ไม่พบผลการค้นหา
"อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" รอความชัดเจน กรณีภาพขึ้นป้ายหาเสียง ชี้ภาพ "ชวน หลีกภัย" เป็นสมาชิกพรรค ไม่น่ามีปัญหา อย่าเหมารวมกับอดีตนายกรัฐมนตรีคนอื่น กรณีข่าว "สมศักดิ์ เทพสุทิน" ต่อรองตำแหน่งรัฐมนตรี คาดคงเป็นได้แค่รัฐมนตรีเงาพลังประชารัฐ

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่พรรคนำรูปนายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคขึ้นป้ายหาเสียง ว่า วันที่ 19 ธันวาคมนี้ที่ทางคณะกรรมการการเลือกตั้งหรือ กกต. จะเชิญตัวแทนพรรคการเมืองไปหารือเรื่องกติกา และระเบียบเกี่ยวกับการหาเสียง ซึ่งตนเองเชื่อว่าจะมีความชัดเจนในวันดังกล่าว แต่กรณีการขึ้นรูปนายชวนมองว่า เป็นผู้สมัครของพรรคและเป็นสมาชิกของพรรคคงไม่มีปัญหา ส่วนที่มีการนำไปเหมารวมกับกรณีของนายทักษิณ และ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีนั้น ต้อง ไปพิจารณาว่าบุคคลเหล่านั้นเป็นผู้สมัครส.ส.และสมาชิกพรรคด้วยหรือไม่ 

ทั้งนี้จะเป็นความบกพร่องของ กกต. หรือไม่ ส่วนตัวมองว่าไม่อยากให้เกิดความสับสน ต้องรอข้อยุติที่เป็นระเบียบออกมา โดยทางพรรคจะนำประเด็นต่างๆไปหารือ ทั้งจำนวนป้าย อาสาสมัคร ขนาดป้าย รถแห่ สื่อสังคมออนไลน์ เพราะมีหลายคำถามที่ยังไม่ได้รับความชัดเจน ซึ่งตนเองไม่กังวล เพราะกติกาที่ออกมาต้องเท่าเทียมกัน

นายอภิสิทธิ์ ยังระบุถึงกระแสข่าวกรณีที่ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ประธานกรรมการเฉพาะกิจ ในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งของพรรคพลังประชารัฐ มีการต่อรองตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในโควต้าทางพรรคพลังประชารัฐ โดยเตรียมซื้อเฮลิคอปเตอร์ไว้ใช้ในภารกิจของกระทรวงจำนวน 2 ลำ โดยนายอภิสิทธิ์ ย้อนถามกลับว่า การจองไว้จะได้เป็นรัฐบาลหรือไม่ และมีการจองกับใครเพราะต้องขึ้นอยู่กับประชาชนเลือก ส่วนกรณีนี้จะทำให้เกิดกระแสตีกลับของพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ ตนเองไม่ทราบ เพราะอาจจะเป็นเพียงรัฐมนตรีเงา

ขณะที่มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์นโยบายเด็กเข้มแข็งของพรรคว่าเป็นการแจกเงิน ประชานิยมนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า งบประมาณที่ใช้น้อยกว่าตามที่ฝ่ายวิชาการและองค์กรระหว่างประเทศสนับสนุน เชื่อมั่นว่าการลงทุนในครั้งนี้จะมีความคุ้มค่าที่สุดสำหรับประเทศ เพราะถือเป็นฐานรากสำหรับอนาคตของไทย และยืนยันว่านโยบายนั้นไม่ได้คิดกันมาเล่นๆเพราะผ่านกระบวนการกลั่นกรองจากสถาบันวิจัย และยืนยันว่ามีคำอธิบายในเรื่องงบประมาณว่าจะนำมาจากที่ใด พร้อมยืนยันว่าไม่ใช่ โครงการประชานิยมแต่คือสวัสดิการขั้นพื้นฐาน หากเปรียบเทียบกับ นโยบายเด็กแรกเกิดและนโยบายรถคันแรก ก็บอกว่าไม่น่าจะมีปัญหา เพราะตีเป็นจำนวนเงินออกมาแล้ว เหลือเพียง 30 บาทต่อวันเท่านั้น

นอกจากนี้ นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึง กรณีที่นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ออกมาปฏิเสธไม่ให้ตัวแทนจากองค์การระหว่างประเทศเข้าสังเกตการณ์ในการเลือกตั้ง ว่าการสังเกตการณ์เป็นเรื่องปกติของการเลือกตั้ง เพราะประเทศไหนๆก็ทำ และเชื่อว่า การอำนวยความสะดวกให้องค์การต่างประเทศเข้ามาสังเกตการณ์จะทำให้การเลือกตั้งมีความโปร่งใสสุจริตและรวมถึงเกิดความเชื่อมั่น และเกิดการยอมรับซึ่งถือเป็นผลดีต่อประเทศ ไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวล ถ้ารัฐบาลเชื่อมั่นว่าการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นนี้จะเป็นไปอย่างสุจริตจริงๆ เพราะองค์กรดังกล่าวไม่ได้เข้ามาแทรกแซง เพียงแต่มาสังเกตการณ์ ว่าเป็นไปตามมาตรฐานประชาธิปไตยหรือไม่ ทั้งนี้ยังเชื่อมั่นว่า จะเกิดขึ้นในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562