ไม่พบผลการค้นหา
"อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" ยืนยันส่งผู้สมัคร ส.ส. ลงเลือกตั้งทุกเขต แต่ยังติดเรื่องเขตเลือกตั้ง ที่ยังไม่ชัดเจน คาดหารือ คสช.กับพรรคการเมือง เพื่อปลดล็อกทางการเมือง เชื่อไม่มีเหตุรุนแรง เรียกร้อง กกต. สร้างบรรทัดฐานกำหนดให้ชัดเจน กรณีพรรคการเมืองขัดขวางการทำกิจกรรมหรือหาเสียงของพรรคการเมืองอื่น

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ประชุมร่วมพรรคการเมือง วันที่ 7 ธันวาคมนี้ ว่า ไม่มีเหตุผลที่จะต้องมีข้อจำกัดทางการเมืองหรือการเคลื่อนไหว เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย จึงคาดว่าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จะเรียกพรรคการเมืองประชุมนั้น คงจะมีการปลดล็อกทางการเมือง เนื่องจากกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส. จะมีผลบังคับใช้แล้ว ส่วนข้อกังวลที่ว่าอาจมีเหตุรุนแรงหรือความขัดแย้งขึ้นในห้วงเลือกตั้ง จนต้องใช้ฝ่ายความมั่นคงดูแลความสงบเรียบร้อยนั้น เห็นว่ามีกฎหมายปกติที่เกี่ยวข้องอยู่แล้ว จึงไม่ควรเอาเรื่องความไม่สงบมาเกี่ยวพันกับการเลือกตั้ง และเชื่อว่าไม่มีพรรคการเมืองใดต้องการให้เกิดความขัดแย้งขึ้น 

"เคยเสนอ กกต. ก่อนหน้านี้แล้วให้สร้างบรรทัดฐาน โดยกำหนดให้ชัดเจนว่า ผู้ใดหรือพรรคการเมืองใด ไปขัดขวางการทำกิจกรรมหรือหาเสียงของพรรคการเมืองอื่น ถือเป็นความผิด ที่ทำให้การเลือกตั้งไม่สุจริต แต่ที่เคยยื่นเรื่องให้ กกต. ชุดปี 2554 นั้น กกต.กลับวินิจฉัยว่า ไม่เป็นไร การก่อกวนขัดขวางสามารถทำได้ ดังนั้น กกต. ชุดนี้ควรสร้างมาตรฐานในเรื่องนี้ให้ชัดเจน ให้ผู้ที่มีส่วนได้เสียจะได้ไม่คิดไปขัดขวางคู่แข่ง" นายอภิสิทธิ์ กล่าว 

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คำสั่ง คสช. ที่ให้อำนาจคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.แบ่งเขตใหม่นั้น สร้างปัญหา 2 ประเด็นคือ ความเป็นอิสระของ กกต. ซึ่งรัฐบาลไม่ควรที่จะเข้ามาเกี่ยวข้องในการจัดการเลือกตั้ง และการคุ้มครองหากการแบ่งเขตเลือกตั้งของ กกต.ไม่เป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องนั้น จะทำให้การเลือกตั้งอาจไม่เป็นที่ยอมรับ 

หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวด้วยว่า พรรคจะส่งผู้สมัครครบ 350 เขต เพียงแต่ยังมีบางพื้นที่ที่ยังมีความคลุมเครือและไม่ชัดเจนในเรื่องเขตเลือกตั้ง ซึ่งกระทบต่อการตัดสินใจในการส่งผู้ลงสมัครและตัวผู้เสนอตัวลงสมัครในแต่ละเขตนั้นด้วย ส่วนกรณีที่มีบางกลุ่มสร้างความวุ่นวาย หรือ ก่อความไม่สงบในช่วงที่ พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล มองว่าเป็นเรื่องของอดีต จึงไม่ใช่แนวทางของพรรคประชาธิปัตย์ ที่จะใช้เรื่องดังกล่าวมาเป็นประเด็นในการหาเสียงสำหรับการเลือกตั้งที่จะมาถึง