วันที่ 31 ส.ค. วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เข้าพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งสังคมกำลังตั้งคำถามว่า ทักษิณ อยู่ที่โรงพยาบาลจริงหรือไม่ นั้น
วิษณุ ให้คำยืนยันหากตนยังมีเครดิตอยู่บ้าง ก็จะยืนยันว่าอยู่จริง ออกจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครจริง หลังจากที่พักอยู่ถึงเวลาเที่ยงคืน เนื่องจาก ทักษิณป่วยมีความดันขึ้นเกือบ 200 รวมไปถึงต้องกินยาสลายลิ่มเลือด คงแพ้อะไรสักอย่าง ซึ่งเรียกว่าดีเปรส ทำให้อาการทรุดหนักลง แต่หนักขนาดไหนตนไม่รู้ จึงทำให้ต้องส่งตัวไปยังโรงพยาบาล ซึ่งตนได้ฝากฝัง ให้แพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจได้ดูแล พร้อมย้ำว่าตัวของนายทักษิณยังอยู่ในโรงพยาบาลตำรวจ ใครไปเยี่ยมไปเยือนก็ไปที่นั่น และอีกหน่อยก็จะเปิดให้คนอื่นเข้าเยี่ยมด้วย
ส่วนอาการป่วยของ ทักษิณ ในลักษณะเช่นนี้เป็นเหตุให้มีข้อมูลเพิ่มไปขอพระราชทานอภัยโทษได้หรือไม่ วิษณุ ยอมรับว่า เป็นข้อมูลที่สามารถนำไปใช้ได้ โดยปกติแล้ว คนที่ขอพระราชทานอภัยโทษโดยมาก จะอ้างคุณงามความดี 3 ประการ คือคุณงามความเีในอดีต ,คุณงามความดีในปัจจุบัน เช่นขณะนี้เป็นนักโทษได้เลื่อนชั้นเป็นนักโทษดีเยี่ยม และอาจระบุในอนาคตจะบวชหากได้พ้นโทษไปแล้ว หรือจะไปทำคุณงามความดีก็สุดแล้วแต่
ส่วนครอบครัวชินวัตร ได้มาปรึกษานายวิษณุเกี่ยวกับเรื่องของการขอพระราชทานอภัยโทษหรือไม่ วิษณุกล่าว ไม่มี ไม่เคยเจอเลย
ส่วนที่ วิษณุ ยังระบุถึง เอกสารทางการแพทย์และประวัติรักษาที่เป็นภาษาอังกฤษของนายทักษิณ วิษณุ ระบุว่า มีเอกสารจำนวนมาก เนื่องจากเป็นประวัติทางการแพทย์ที่สะสมมากว่า 17 ปี ซึ่งตนได้เห็นเอกสารดังกล่าวแล้ว ว่ามีอะไรบ้างเพียงแต่อ่านไม่ออกแปลไม่ถูกเนื่องจากเป็นภาษาหมอ
ทั้งนี้ วิษณุ ยอมรับว่า เอกสารการเขียนและอภัยโทษของ ทักษิณได้ถึงมือของตนแล้ว ซึ่งหลังจากนี้จะต้องดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
ส่วนใครเป็นผู้เขียนขอพระราชทานอภัยโทษนั้น ไม่ขอตอบว่าเป็นใคร ซึ่งการเขียนขอพระราชทานอภัยโทษในครั้งนี้เป็นการขอเฉพาะบุคคลไม่เกี่ยวกับโอกาสวันสำคัญ ไม่ต้องดูว่ารับโทษมาแล้วเท่าใด เป็นพระมหากรุณาธิคุณทั้งนั้น โดยย้ำว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามขั้นตอนและระเบียบ ซึ่งมีขั้นตอนไม่นาน ส่วนจะทันในสมัยที่ตนเองดำรงตำแหน่งรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมหรือไม่ ตนไม่ทราบ เพราะไม่รู้ว่าต้องอยู่ไปนานเท่าไหร่ และประเมินไม่ถูก เพราะยังตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไม่เสร็จ
พร้อมยอมรับว่า เมื่อเอกสารมาถึงมือแล้ว จะต้องใช้เวลาซึ่งตนไม่สามารถเปิดเผยในรายละเอียดได้ เนื่องจากเป็นเรื่องส่วนตัวของเขา ไม่สมควรที่จะพูด ส่วนจะขอพระราชทานอภัยโทษทุกคดีหรือไม่ตนไม่ขอตอบ
เมื่อถามว่า จากกรณี ทักษิณ ถูกมองว่ากระบวนการยุติธรรมเป็น 2 มาตรฐานหรือไม่ วิษณุ ระบุว่า ไม่ใช่ 2 มาตรฐาน ต้องแยกให้ออกว่าอะไรเป็นขั้นตอนตามสิทธิ และอะไรเป็นขั้นตอนที่เป็นความเห็นของรัฐบาล หรืออะไรเป็นพระมหากรุณาธิคุณ อยู่ในพระราชอำนาจ ต้องแยกให้ออกว่ามันเป็น 3 เรื่อง เมื่อหนึ่งเป็นสิทธิ์ของเขาถ้าเค้าไม่ขอก็จะไม่มีสองและสามตามมา ซึ่งเมื่อขอเรื่องก็จะมายังรัฐบาลขั้นต่อไปเป็นพระมหากรุณาที่คุณ เป็นพระราชอำนาจ จะพระราชทานอย่างไรก็เป็นเรื่องเสร็จเด็ดขาดตามรัฐธรรมนูญแล้วไม่ต้องให้เหตุผลด้วย