ไม่พบผลการค้นหา
นักท่องเที่ยวหลายรายผิดหวังที่เทศกาลน้ำแข็งเมืองฮาร์บินของจีน ครั้งที่ 35 ต้องยุติลงเร็วกว่าทุกปี เนื่องจากอุณหภูมิในพื้นที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา สะท้อนปัญหาสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงและสภาวะโลกร้อน

เทศกาลน้ำแข็งและหิมะเมืองฮาร์บินของจีน จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 35 นับตั้งแต่วันที่ 23 ธ.ค.2561 ที่ผ่านมา แต่คณะกรรมการจัดงานประกาศยุติเทศกาลลงเมื่อวันที่ 17 ก.พ. 2562 ซึ่งเร็วกว่าทุกปีที่ผ่านมา เนื่องจากประติมากรรมน้ำแข็งและหิมะที่จัดแสดงบริเวณลานส่วนกลาง จากพื้นที่จัดเทศกาลทั้งหมดกว่า 750,000 ตารางเมตร ละลายอย่างรวดเร็ว เป็นผลจากอุณหภูมิเฉลี่ยตอนกลางวันที่เพิ่มสูงกว่าจุดเยือกแข็ง และผู้จัดงานเกรงว่าจะทำให้เกิดอุบัติเหตุต่อนักท่องเที่ยว จึงต้องประกาศปิดเทศกาลลง

เว็บไซต์ประชาสัมพันธ์งานเทศกาลระบุว่า ผู้ที่ซื้อตั๋วเข้าชมเทศกาลที่มาไม่ทันวันปิดงาน สามารถนำตั๋วไปขอเงินคืนได้เต็มจำนวน แต่สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า นักท่องเที่ยวจำนวนมากที่เดินทางมาจากต่างถิ่น แสดงความไม่พอใจในเครือข่ายสังคมออนไลน์เว่ยป๋อของจีน โดยระบุว่า การเตรียมตัวเข้าชมเทศกาลไม่ได้แค่การจองตั๋วเข้าชม แต่รวมถึงต้องลางาน ซื้อตั๋วเดินทางและจ่ายค่าที่พัก แต่กลับต้องเจอกับความผิดหวัง เพราะผู้จัดงานไม่ได้แจ้งให้ทราบล่วงหน้า

000_1C161E.jpg
  • ผู้จัดเทศกาลระบุว่า น้ำแข็งกว่า 300,000 ลูกบาศก์เมตรที่ใช้ประกอบงาน ถูกนำมาจากแม่น้ำซองฮวา

ขณะที่ดิอินดีเพนเดนท์ สื่อของอังกฤษรายงานว่า ในแต่ละปี มีนักท่องเที่ยวมากกว่า 1 ล้านคนเดินทางจากต่างเมืองและต่างประเทศ เพื่อไปเยี่ยมชมเทศกาลน้ำแข็งและหิมะที่เมืองฮาร์บิน ซึ่งจัดขึ้นตั้งแต่ปี 1999 เป็นต้นมา 

ปีที่แล้วงานเทศกาลสิ้นสุดลงวันที่ 10 มี.ค. แต่ปีนี้กลับต้องปิดตัวลงเร็วกว่าทุกปีเพราะอุณหภูมิกลางวันสูงเฉลี่ยประมาณ 5 องศาเซลเซียส ทำให้น้ำแข็งและหิมะละลาย ชี้ให้เห็นว่าปัญหาสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงและสภาวะโลกร้อนทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และในปีต่อๆ ไป เทศกาลอาจต้องเปลี่ยนแปลงช่วงเวลาจัดงาน 

ส่วนเว็บไซต์รัปลีย์ของรัสเซีย รายงานอ้างอิงคำให้สัมภาษณ์ของนักท่องเที่ยวชาวจีน ซึ่งระบุว่า ปัญหาสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงและสภาวะโลกร้อนที่เกิดขึ้นเป็นผลจากทั้งมลพิษทางอากาศ การปล่อยก๊าซทำลายโอโซน ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจากการใช้ยานหพาหนะที่ใช้พลังงานเชื้อเพลิงของประชาชนทั่วไปทั่วโลก

การจะแก้ไขปัญหาสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงและสภาวะโลกร้อน จะต้องคำนึงถึงมาตรการระยะยาวที่จะส่งเสริมให้คนหันมาใช้พลังงานสะอาด หรือใช้บริการขนส่งสาธารณะแทนพาหนะส่วนตัว ส่วนรัฐบาลก็ต้องควบคุมการปล่อยมลพิษในโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ รวมถึงเพิ่มมาตรการช่วยเหลือหรือส่งเสริมผู้ที่ใช้พลังงานสะอาด เพื่อจะได้กระตุ้นให้คนหันมาใช้พลังงานเหล่านี้แทนพลังงานน้ำมันหรือถ่านหิน

ที่มา: Independent/ Reuters/ Traveler

ข่าวที่เกี่ยวข้อง: