วันที่ 17 ม.ค. ที่อาคารรัฐสภา จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง แถลงข่าวชี้แจงข้อสงสัยต่อกรณีโครงการดิจทัลวอลเล็ตของรัฐบาล โดยยอมรับ คณะกรรมการนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตได้เลื่อนการประชุมจริงเมื่อวาน (16 ม.ค.) เนื่องจากมีเอกสารข้อเสนอแนะของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จึงเห็นว่าควรเลื่อนการประชุมก่อน เพื่อรอให้เอกสารของ ป.ป.ช. มาถึงพร้อมกัน แล้วประชุมคณะกรรมการนโยบายฯ ทีเดียว เพื่อกำหนดแนวดำเนินการต่อไป
ทั้งนี้ มองว่า เอกสารของ ป.ป.ช. แสดงความเห็นค่อนข้างตรงและแรงพอสมควรในการคัดค้านการดำเนินนโยบาย รัฐบาลก็รับฟังและนำมาพิจารณาประกอบ ขณะนี้ก็ยังไม่มีความชัดเจนว่าเอกสารดังกล่าวเป็นทางการแล้วหรือไม่อย่างไร ซึ่งมี สุภา ปิยะจิต อดีตกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะประธานคณะกรรมการเพื่อศึกษาและดำเนินการรับฟังความเห็นเกี่ยวกับนโยบายรัฐบาล กรณีการเติมเงิน 10,000 บาทผ่าน Digital Wallet เป็นผู้ทำข้อเสนอแนะดังกล่าวมา โดย สุภา เป็นผู้ที่ติดตามนโยบายของรัฐบาลจากการเลือกตั้งมาตลอดอยู่แล้ว เวลานี้รัฐบาลก็รอความชัดเจนในเรื่องเอกสารของ ป.ป.ช.
จุลพันธ์ ยืนยันรัฐบาลพร้อมรับฟังทุกความเห็น ตั้งแต่ข้อเสนอแนะในทางกฎหมายของคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่ไม่ได้เป็นการไฟเขียวหรือไฟแดง ไม่ได้ห้าม และไม่ได้สั่งการให้เดินหน้า เพราะไม่ใช่หน้าที่ แต่ความเห็นของ ป.ป.ช. ค่อนข้างชัดเจนว่ามีการวางธงให้โครงการนี้เดินหน้าไม่ได้ แม้ว่านโยบายเงินดิจิทัลจะได้รับการรับรองจากประชาชนก่อนการเลือกตั้ง และแถลงนโยบายต่อรัฐสภาแล้วก็ตาม ซึ่งบางกลุ่มองค์กร เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ป.ป.ช. มีความเห็นแตกต่าง ที่อาจยังมองไม่เห็นว่าประเทศกำลังตกอยู่ในวิกฤตตามที่รัฐบาลบอก
“วิกฤตนี้ไม่ใช่เรื่องโครงสร้างทางเศรษฐกิจเท่านั้น แต่เป็นวิกฤตการเห็นอกเห็นใจพี่น้องประชาชนที่มีความเดือดร้อนทางเศรษฐกิจ Democracy without empathy คือทุนนิยมที่ไม่มีหัวใจจะไปเข้าใจผู้ที่เดือดร้อน มันแสดงให้เห็นมาตลอดว่าล้มเหลว รัฐบาลชุดปัจจุบันเราเดินทางไปทั่วประเทศ เราเห็นถึงความเดือดร้อนของประชาชน โดยเฉพาะในต่างจังหวัด เราไม่ได้ทำงานในห้องแอร์ วันนี้พี่น้องประชาชนทั่วประเทศต้องการการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่”
อย่างไรก็ตาม จุลพันธ์ ยอมรับว่า ดูจากกรอบเวลาแล้ว โครงการไม่น่าทันเดือน พ.ค. รัฐบาลยืนยันเราต้องเดินหน้านโยบายเงินดิจิทัลต่อไป ถึงแม้จะไม่สามารถยืนยันกรอบเวลาในเดือน พ.ค. ได้ หลังจาก ป.ป.ช.ส่งเอกสารความเห็นมา ต่อไปจะเชิญคณะกรรมการนโยบายฯ มาประชุมอีกครั้ง จึงจะเริ่มกระบวนการฟังความคิดเห็นเพิ่มเติมในการทำคามเข้าใจกับหน่วยงานที่ยังไม่เห็นถึงเจตนาดีที่รัฐบาลพยายามจะทำ เราต้องสื่อสารจนทุกฝ่ายมีความเข้าใจตรงกัน จนเราเดินหน้านโยบายนี้ได้ในที่สุด
“รัฐบาลชุดนี้ไม่ได้เป็นอนุบาลทางการเมือง เราเห็นอยู่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่คืออะไร เรามีหน้าที่ในการทำให้ทุกอย่างเป็นไปตามกรอบของกฎหมาย และได้รับความยอมรับจากทุกภาคส่วน และแก้ไขปัญหาของพี่น้องประชาชนได้ นี่เป็นสิ่งที่เรายึดเป็นธงหลักและต้องทำให้สำเร็จ” จุลพันธ์ กล่าว
ทั้งนี้ ยังไม่สามารถให้คำตอบได้ว่า กลไกแหล่งที่มาของเงินทุนจะเป็น พ.ร.บ.เงินกู้ หรือวิธีอื่น แต่ยอมรับว่าการจะผลักดันให้อยู่ในช่วงเดือน พ.ค. ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก จากอุปสรรคที่เห็น ระหว่างนี้รอความชัดเจนของเอกสาร และการปรับความเข้าใจให้ตรงกันของหน่วยงานต่างๆ ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ถ้ามีการมองว่าไม่ใช่วิกฤต ก็เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการนโยบายฯ ต้องทำความเข้าใจ เอาข้อมูลที่เป็นปัจจุบัน และเป็นจริงนำเสนอต่อหน่วยงานเหล่านั้น
จุลพันธ์ ยังกล่าวด้วยว่า ขณะนี้ยังไม่มีแผนสำรองในกรณีที่โครงการไปต่อไม่ได้ และยังไม่สามารถกำหนดกรอบเวลาดำเนินการ ส่วนเรื่องการถอยนั้น ยอมรับว่า ได้มีการปรับลดวงเงินมาแล้วครั้งหนึ่งหลังจากมีความเห็นของหลายหน่วยงานมา อย่างไรก็ตาม ยังต้องรอการประชุมของคณะกรรมการนโยบายฯ อีกครั้ง จนกระทั่งมีความเห็นจากบางหน่วยงานแล้วจึงกำหนดแนวทางในการเดินหน้าต่อ