วันนี้ (10 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวจังหวัดยะลารายงานว่า ควันไฟไหม้ป่าจากประเทศอินโดนีเซีย เริ่มพัดมาปกคลุมทั่วพื้นที่ตัวเมืองยะลา ทำให้ท้องฟ้าสลัวแล้ว โดยทุกปีในช่วงนี้พื้นที่ของ จ.ยะลา จะได้รับผลกระทบจากปัญหาหมอกควันเป็นพื้นที่กว้าง ซึ่งจะส่งผลกระทบกับพี่น้องประชาชนที่มีโรคทางเดินหายใจ หายใจไม่สะดวก และมีอาการแสบตา ประชาชนที่เป็นโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจจึงควรระมัดระวัง สวมใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกัน ขณะที่ทัศนวิสัยในการสัญจรยังคงสามารถใช้เส้นทางได้ตามปกติ แต่ต้องเพิ่มความระมัดระวังเป็นกรณีพิเศษมากขึ้น โดยเฉพาะในเส้นทางสาย 410 (ยะลา - เบตง) เส้นทางสาย 418 (ยะลา - ปัตตานี) ทั้งขาเข้าเมืองยะลา ขาออกไปยัง จ.ปัตตานี และจ.สงขลา เนื่องจากปริมาณรถวิ่งบนท้องถนนค่อนข้างจำนวนมาก
นอกจากนี้ ในพื้นที่สวนขวัญเมืองยะลา ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวและออกกำลังกายในยามเช้าของชาวยะลา จะมีหมอกควันหนาทึบเป็นพิเศษมากกว่าพื้นที่อื่นๆ อีกด้วย ทำให้ บรรยากาศการมาออกกำลังกาย ลดน้อยลงเห็นได้ชัด ประกอบกับ คนชรา และเด็ก เริ่มมีอาการทางระบบทางเดินหายใจ มากขึ้นอีกด้วย
ด้าน นายธนัญชัย วรรณสุข ผู้อำนวยการสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 16 (สงขลา) กล่าวว่า สถานการณ์คุณภาพอากาศในพื้นที่ภาคใต้ขณะนี้อยู่ในระดับดีมากถึงเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ พบค่าฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน เฉลี่ย 24 ชั่วโมงมีค่าระหว่าง 14-51 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร โดยพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ค่าฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน เฉลี่ย 24 ชั่วโมง โดยเมื่อวันที่ 4 ก.ย. ที่ผ่านมา พบจุดความร้อน (hot spots) บนเกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซียสูงถึง 229 จุด และวันที่ 7 ก.ย. ลดลงเหลือเพียง 52 จุด และวันที่ 8 ก.ย. กลับพบจุดความร้อนเพิ่มขึ้น 206 จุด ประกอบกับอิทธิพลของลมมรสุมจากทิศใต้และทิศตะวันตกเฉียงใต้พัดพาฝุ่นควันมายังภาคใต้ตอนล่าง จึงส่งผลกระทบให้พื้นที่จังหวัดสงขลามีคุณภาพอากาศอยู่ในระดับเริ่มส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนยังคงต้องเฝ้าระวัง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง