วันนี้ (16 ส.ค. 2561) เกิดหมอกควันสีขาวเข้ามาปกคลุมทั่วท้องฟ้าในพื้นที่จังหวัดยะลา ทำให้ท้องฟ้าสลัว เบื้องต้นคาดว่าเป็นหมอกควันจากประเทศอินโดนีเซีย โดยทุกปีในช่วงนี้ จังหวัดยะลา ก็จะได้รับผลกระทบจากปัญหาหมอกควัน โดยจะส่งผลกับประชาชนที่มีโรคทางเดินหายใจ หายใจไม่สะดวก และมีอาการแสบตา ประชาชนที่เป็นโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจจึงควรระมัดระวัง สวมใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกัน ขณะที่ทัศนวิสัยในการสัญจรยังคงสามารถใช้เส้นทางได้ตามปกติ แต่ต้องเพิ่มความระมัดระวังเป็นกรณีพิเศษมากขึ้น โดยเฉพาะในเส้นทางสาย 418 ทั้งขาเข้าเมืองยะลา ขาออกไปยัง จ.ปัตตานีและจ.สงขลา เนื่องจากปริมาณรถวิ่งบนท้องถนนจำนวนมาก

ทั้งนี้มีรายงานจากกรมควบคุมมลพิษถึงสถานการณ์หมอกควันในภาคใต้ตอนล่าง ว่าตั้งแต่วันที่ 13 ส.ค. 2561 เป็นต้นมา ระดับฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5 และ PM10) ในจังหวัดเขตภาคใต้ตอนล่างมีปริมาณสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และสูงสุดในวันที่ 15 ส.ค. 2561 ที่ผ่านมาปริมาณฝุ่นละออง PM10 ตรวจวัดได้ระหว่าง 29-72 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ยังไม่เกินค่าเกณฑ์มาตรฐาน (120 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร) แต่อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนในพื้นที่ และส่งผลต่อทัศนวิสัยในการมองเห็น สำหรับประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง

นางรัตนาภรณ์ พูลภิญโญ อายุ 64 บ้านเลขที่ 8 ถนนยาพิบูลย์ ต.สะเตง อ.เมืองยะลา กล่าวว่า เป็นวันแรกที่ฟ้ามึนครึ้มไปทั่วพื้นที่ โดยปกติการออกกำลังกายในช่วงเช้าๆ นี้เราจะได้รับแสงแดดอ่อนๆ ยามเช้าทุกวัน แต่วันนี้ทุกคนพูดเสียงเดียวกันว่าทำไมอากาศเป็นแบบนี้ และนึกได้ว่าน่าจะเป็นหมอกควันอินโดนีเซีย เข้ามาบ้านเราแล้ว รู้สึกเวลาหายใจเหมือนไม่บริสุทธิ์ หายใจไม่สุด ซึ่งผู้ที่มาออกกำลังด้วยกันเขาบอกว่า รู้สึกแสบคอ

"ที่เห็นได้ชัดก็คืออากาศ สลัวๆ ครั้งแรกนึกว่าฝนจะมาหรือเปล่า แต่ไม่ใช่เพราะเรานึกออกแล้วว่าเราจะเจอหมอกควันอินโดทุกปี ปีนี้ไม่ทราบว่าจะนานแค่ไหน ซักกี่วัน ไม่ทราบว่าจะทำยังไรเพราะเพื่อนบ้านเราเกิดปัญหาแบบนี้ทุกปี ขอให้ทางสำนักงานสาธารณะสุขมาประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจให้กับชาวบ้าน เกี่ยวกับผลกระทบกับ หมอกควันว่า ขณะนี้อยู่ในระดับไหน เพราะเขาคงมีมาตรฐานในการวัด หมอกควัน ถ้าอยู่ในระดับไหนพวกเราควรดูแลตัวเองอย่างไรเช่นอาจจะต้องใส่หน้ากากเวลาออกจากบ้านขนาดไหนระดับไหนเพราะว่าไม่แน่ใจเพราะใช้หน้ากากเรารู้สึกว่าไม่สะดวกก็จะไม่ใส่กัน" นางรัตนาภรณ์ กล่าว

ผู้ว่าฯ สตูล สั่งเตรียมผ้าปิดจมูกแจกประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ

นายพรชัย เพชรพิมพ์พันธุ์ ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.สตูล กล่าวว่า สภาพหมอกควันที่เห็นปกคลุมอยู่ทั่วเกิดจากไฟไหม้ป่าบนเกาะสุมาตรา ช่วงมรสุมลมจะพัดเข้ามาในพื้นที่บ้านเรา ซึ่งค่าในการวัดกรมควบคุมมุลพิษได้มาติดตั้งสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศแบบกึ่งถาวรบริเวณหลังศาลากลาง จ.สตูล ซึ่งเป็นสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศในบรรยากาศ โดยมาติดตั้งตั้งแต่ปี 60 เพื่อติดตามรายงานสภาพอากาศเป็นรายชั่วโมง แต่ค่าดัชนีนั้นตั้งได้จากค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง ซึ่งในส่วนของ ทสจ.ได้รายงานเข้าจังหวัด ปภ.เพื่อรายงานสภาพปัญหาหมอกควันข้ามแดนที่เกิดขึ้น 

ขณะที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูลได้สั่งการให้ทางสาธารณสุข จ.สตูล เตรียมผ้าปิดจมูก โดยเฉพาะในพื้นที่เกาะต่างๆ ที่อาจเกิดปัญหาหากมีลมพัดหมอกควันเข้ามามาก อย่างไรก็ตามสำหรับค่าเฉลี่ยดัชนีคุณภาพอากาศของจ.สตูล ณ เวลา 09.00 น. ของวันที่ 15 ส.ค. 2561 วัดได้ 72 AQI ซึ่งเป็นระดับคุณภาพอากาศที่ปานกลาง ต้องเฝ้าระวังต่อไป

กรมควบคุมมลพิษแนะประชาชนลดระยะเวลาทำกิจกรรมกลางแจ้ง พร้อมหาอุปกรณ์ป้องกัน

ด้านกรมควบคุมมลพิษ รายงานสถานการณ์หมอกควันภาคใต้ตอนล่างของประเทศไทย วันที่ 16 ส.ค. 2561 ปริมาณฝุ่นละออง ขนาดไม่เกิน 10 ไมครอน (PM10) เฉลี่ย 24 ชั่วโมง มีค่าระหว่าง 29-121 มคก./ลบ.ม.เกินเกณฑ์มาตรฐาน (120 มคก./ลบ.ม.) 1 สถานี ที่ อ.เบตง จ.ยะลา

ส่วนปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน (PM2.5) มีค่าระหว่าง 18-63 มคก./ลบ.ม.เกินเกณฑ์มาตรฐาน (50 มคก./ลบ.ม.) 4 สถานี ที่ จ.สงขลา จ.สตูล จ.ยะลา จ.นราธิวาส

สาเหตุของหมอกควัน เกิดจากหมอกควันข้ามแดน เนื่องจากไฟไหม้พรุ บริเวณเกาะสุมาตรา และบอร์เนียว ประเทศอินโดนีเซีย ด้านคำแนะนำในการปฏิบัติตนเอง ประชาชนทั่วไป ควรเฝ้าระวังสุขภาพ ถ้ามีอาการเบื้องต้น เช่น ไอ หายใจลำบาก ระคายเคืองตา ควรลดระยะเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเองหากมีความจำเป็น สำหรับผู้ที่ต้องดูแลสุขภาพเป็นพิเศษ ควรลดระยะเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเองหากมีความจำเป็น ถ้ามีอาการทางสุขภาพ เช่น ไอ หายใจลำบาก ตาอักเสบ แน่นหน้าอก ปวดศีรษะ หัวใจเต้นไม่เป็นปกติ คลื่นไส้ อ่อนเพลีย ควรปรึกษาแพทย์