เป็นคำร้องของพรรคร่วมฝ่ายค้านที่ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนุญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่าความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรี ของ พล.อ.ประยุทธ์ สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคสอง ประกอบมาตรา 158 วรรคสี่ หรือไม่ กรณีดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ครบ 8 ปี
ทำให้รังสีแห่งอำนาจตกมาอยู่ในมือของพี่ใหญ่ของรัฐบาลทันที นั่นคือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ลำดับที่ 1 ในคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดปัจจุบัน
พล.อ.ประวิตร ต้องรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะได้อยู่ต่อ หรือต้องร่วงลงจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
รวมเรื่องเล่าไลฟ์สไตล์ของพี่ป้อม..ที่หลายคนอาจ "ไม่รู้" แต่ 'พล.อ.ประวิตร' คนเดียวที่รู้
"ชีวิตประจำวันของพี่ป้อม นอกเหนือจากงานในหน้าที่ เมื่อได้ฟังคำบอกเล่าจากคนใกล้ชิดทำให้ทราบว่าพี่ป้อม ก็คือ ปุถุชนคนธรรม ที่ใช้ชีวิตเรียบง่าย ใจกว้าง สนุกสนานเฮฮา และเป็นที่รักของเพื่อนฝูง"
คณะผู้จัดทำยังระบุถึงบางมุมที่เป็นตัวตนที่แท้จริงอีกด้านของ พล.อ.ประวิตร มาบันทึกผ่านหนังสือ "พี่ป้อม พี่ใหญ่ พี่ชายที่แสนดี"
หนังสือดังกล่าวเป็นการจัดทำในวันคล้ายวันเกิดปีที่ 76 ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เมื่อวันที่ 11 ส.ค. 2564 หรือ 1 ปีก่อน คณะผู้จัดทำซึ่งไม่ประสงค์จะออกนาม ได้ปรารภร่วมกันว่า ควรจะจัดทำบันทึกเรื่องราวแบบเบื้องลึกเบื้องหลังเกี่ยวกับประวัติผลงาน ของพล.อ.ประวิตร ตั้งแต่วัยเยาว์ การศึกษา เส้นทางชีวิตในราชการทหาร จนถึงการเข้ามาดำรงตำแหน่งทางการเมืองเพื่อถ่ายทอดให้สาธารณชนรับรู้ในหลายเรื่องที่ทุกคนอาจ "ไม่รู้"
ทั้งนี้ คณะผู้จัดทำยังระบุว่า พล.อ.ประวิตร ยังได้รับการเรียกขานจากคนใกล้ชิดว่า "เป็นเพื่อนแท้...แท้..ที่ไม่เคยทิ้งเพื่อน คือ พี่ชายแสนดี ตลอดไป..."
หนังสือดังกล่าวได้บอกเล่า พล.อ.ประวิตร เกิดในครอบครัวทหาร มี พล.อ.ประเสริฐ วงษ์สุวรรณ เป็นบิดา รับราชการเป็นนายทหารเหล่าทหารปืนใหญ่ และ สายสนี วงษ์สุวรรณ เป็นมารดา ประกอบอาชีพค้าขาย
พล.อ.ประวิตร เป็นพี่ชายคนโต มีน้องชาย 4 คน ตามลำดับ คือ พล.ร.อ.ศิษฐวัชร วงษ์สุวรรณ (ปุ้ม) พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ (ป๊อด) อดีต ผบ.ตร. พงษ์พันธุ์ วงษ์สุวรรณ (ก๊อก) และ พันธุ์พงษ์ วงษ์สุวรรณ (กุ๊ก)
ในวัยเด็ก มารดาของ พล.อ.ประวิตร ต้องรับหน้าที่ดูแลลูกทั้ 5 คน เพราะ พล.อ.ประเสริฐ ต้องมีภารกิจเดินทางไปต่างจังหวัดเป็นประจำ เนื่องจากเงินเดือนทหารของบิดาในยุคก่อน ไม่สามารถจะให้ครอบครัว 7 ชีวิตใช้จ่ายได้อย่างฟุ่มเฟือย ทำให้ต้องรู้จักความพอเพียง มารดาของ พล.อ.ประวิตร ต้องหารายได้เสริม ด้วยการขายอาหาร จำพวกข้าวแกง อาหารตามสั่ง ก๋วยเตี๋ยว ข้าวต้มมัด กล้วยแขก และขนมอื่นๆ
"พี่ป้อม" ในฐานะพี่ชายคนโตต้องทำหน้าที่นำอาหารไปขายหรือไปส่งให้ลูกค้าตามสถานที่ต่างๆ
ความเป็นพี่ชายคนโตของน้องๆ จึงเริ่มฉายแววของความเป็นพี่ชายที่แสนดีของน้องๆ มาตั้งแต่วัยเยาว์
พล.อ.ประวิตร เข้าศึกษาโรงเรียนเซนต์คาเบรียล 10 ปี ด้วยเลขประจำตัว ซ.ค.5534 มีผลการเรียนดี รักในพวกพ้อง ทำให้เพื่อนๆ ยกให้พล.อ.ประวิตร เป็นผู้นำ
จากนั้น พล.อ.ประวิตร ได้สอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหาร เป็นนักเรียนเตรียมทหาร (ตท.) รุ่นที่ 6 ในปี 2506 เข้ารับราชการทหาร จนกระทั่งเป็น ผู้บัญชาการทหาร (ผบ.ทบ.) และเข้าสู่ตำแหน่งทางการเมืองเป็น รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม
เมื่อ พล.ต.ประเสริฐ บิดาของ พล.อ.ประวิตร ได้ถึงแก่อนิจกรรม เมื่อปี 2527 ทำให้ พล.อ.ประวิตรต้องรับบทเป็นพี่ชายคนโตดูแลครอบครัว ด้วยความเป็นหนุ่มโสด ไม่มีครอบครัว ชีวิตจึงมีแต่งานและเพื่อนจนได้รับเลือกให้เป็นประธานรุ่นตลอดกาลของนักเรียนนายร้อย จปร.รุ่นที่ 17
หนังสือดังกล่าวยังบันทึกถึงฉากชีวิตของ 3 ป. คือ พล.อ.ประวิตร พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน โดยกล่าวเพียงสั้นๆ ถึงชีวิตรับราชการที่อยู่ร่วมกันของ 3 ป.
โดย 3 พี่น้องแห่งบูรพาพยัคฆ์ มีความผูกพันกินนอนร่วมกันเมื่อครั้งที่ พล.อ.ประวิตรเป็นผู้บังคับกองร้อย ที่กองพันทราบราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ โดยพล.อ.ประวิตร เป็นคนเข้าครัวทำอาหารให้กับ พล.อ.อนุพงษ์ พล.อ.ประยุทธ์ ทานเป็นประจำ
อีกหนึ่งประเด็นร้อนที่เป็นแผลติดตัว พล.อ.ประวิตร จนมาถึงทุกวันนี้
แม้ พล.อ.ประวิตร จะเคยชี้แจงกลางสภาฯ ในญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐบาลเมื่อวันที่ 20 ก.ค. 2565 กรณีนาฬิกายืมเพื่อน ซึ่งเป็นนาฬิกาข้อมือ Richard Mille รุ่น RM029 ที่ไม่พบในรายการแสดงทรัพย์สินและหนี้สินที่เคยยื่นต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
"เรื่องนาฬิกาทั้งหมด ผมไม่อาจก้าวล่วงได้เรื่องของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ผมไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่อง ป.ป.ช. ส่วน ผมจะมีเพื่อน ดีสักคนหนึ่งคุณคงไม่เคยมี ผมมีเพื่อนดี (ปัฐวาท สุขศรีวงศ์ เพื่อนนักเรียนสมัยโรงเรียนเซนต์คาเบรียล ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว) คือ คบมาตั้งแต่ชั้นประถม ดังนั้น เรามีอะไร ลูกสาวเขาก็เหมือนลูกผม" พล.อ.ประวิตร ลุกชี้แจงกลางสภาฯ
หนังสือ "พี่ป้อม พี่ใหญ่ พี่ชายที่แสนดี" ได้บันทึกเรื่องราว "เป็นเพื่อนแท้ แท้...ที่ไม่เคยทิ้งเพื่อน" โดยระบุถึง "พี่คราม ปัฐวาท สุขศรีวงศ์" เพื่อนนักเรียนที่เคยเรียนด้วยกันกับ พล.อ.ประวิตร ที่โรงเรียนเซนต์คาเบรียล ตั้งแแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โดยเป็นเพื่อนรักที่คบหากันมา 60 ปี
"ครอบครัววงษ์สุวรรณ และครอบครัวสุขศรีวงศ์ ต่างสนิทชิดเชื้อกันเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเรื่องการทำบุญ เพราะพี่ป้อมและพี่คราม ต่างก็เดินทางในสายบุญด้วยกันมาหลายสิบปี โดยมักจะเดินสายทำบุญ สร้างศาสนสถาน ทอดกฐินและมอบทุนการศึกษาให้แก่เด็กในพื้นที่ต่างๆ และพี่ครามก็เป็นหนึ่งในคณะกรรมการมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัดอีกด้วย"
หนังสือดังกล่าวยังเล่าเรื่องความสนิทของ พล.อ.ประวิตร และ ปัฐวาท โดยระบุว่า "พี่ป้อม พี่ครามนั้นสนิทกันมาก เคยไปกินไปนอนที่บ้านใน กองพล ปตอ.เป็นประจำ เตะฟุตบอลด้วยกัน ลอกการบ้านด้วยกัน กินข้าวฝีมือคุณย่า (สายสนี วงษ์สุวรรณ) ด้วยกัน พี่ป้อมถึงตัวจะเล็ก แต่ใจนักเลงไม่กลัวใครและมีคุณพ่อเป็นทหาร ก็มักจะช่วยเหลือปกป้องเพื่อน ไม่ให้ใครมาข่มเหงรังแก"
"ความผูกพันของเพื่อนทั้งสองคนนี้มีมากจริงๆ ดูอย่างที่พี่ครามป่วยจนเดินแทบไม่ได้ พี่ป้องจะกุลีกุจอ ถามไถ่น้องๆ ว่ามีหมอเก่งๆ ที่ไหน แล้วรีบให้ฝ่าย เสธ.ติดต่อทันที และยังช่วยเหลือดูแลด้วยตัวเอง จนพี่ครามดีขึ้น สองคนนี้เขารักกันเหมือนพี่เหมือนน้อง"
ไฮไลต์ สำคัญเรื่องนาฬิกายืมเพื่อน ยังถูกชี้แจงผ่านหนังสือดังกล่าวว่า "เรื่องนาฬิากานั้นเหรอ พี่ครามชอบนาฬิกามาก สะสมไว้มาก ชอบโชว์นาฬิกาแล้วยังคะยั้นคะยอ พี่ป้อมบ่อยๆ เอาไปใส่ดูสิ ใส่เบื่อแล้วมาเปลี่ยนเรือนใหม่ไปใส่ คนเขาชอบกันเป็นการส่วนตัว จะไปห้ามเขาได้อย่างไร แล้วอีกอย่างหนึ่ง พี่ป้อมเป็นคนรักษาของมาก พี่ครามจึงกล้าให้ยืมไปใส่ เพราะใส่แล้วคืนในสภาพดี"
"ลองเป็นคนอื่น พี่ครามอาจไม่กล้าให้ยืม เดี๋ยวทำของเขาพัง...ของพวกนี้ต้องเป็นเรื่องของคนที่ชอบจริงๆ...ในวงการนาฬิกาเขารู้กันดีกว่าเขาแลกเปลี่ยนกันใส่กันจนเป็นปกติ...ไม่เห็นแปลกตรงไหน"
บันทึกแก้ข้อกล่าวหาให้ พล.อ.ประวิตร ผ่านหนังสือ "พี่ป้อม พี่ใหญ่ พี่ชายที่แสนดี" ยังทิ้งท้ายถึงเพื่อนรักของ พี่ใหญ่ว่า ที่คนส่วนใหญ่พูดกันไปโดยไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ แล้วก็ไปตีความกันเสียยกใหญ่ นอกจากจะทำให้พี่ป้อมเสียแล้ว ยังเป็นสร้างมลทินให้แก่เพื่อนสนิทที่วายชนม์ คือ พี่คราม ปัฐวาท อีกด้วย
หนังสือบันทึกชีวประวัติเรื่องที่คนทั่วไปอาจ "ไม่รู้" จำนวน 217 หน้า ถูกเผยแพร่ต่อสาธารณและสื่อมวลชนผ่านมือ 'ไพบูลย์ นิติตะวัน' ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ เพียงแค่ 1 วัน หลังศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้พล.อ.ประยุทธ์ หยุดปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งถูกมองว่าเป็นการปล่อยหนังสือออกสู่สาธารณหลัง ได้รักษาราชการแทนนายกฯ ที่เป็นพี่ใหญ่ของ ครม.
แม้จะไม่ระบุถึงชื่อของผู้ตีพิมพ์ แต่เชื่อว่าทุกบรรทัดที่ถูกเรียบเรียง น่าจะถูกถ่ายทอดออกจากปากของ ชายที่ชื่อ พล.อ.ประวิตร ผู้ที่มักตอบคำถามสื่อมวลชนด้วยคำว่า "ไม่รู้" อยู่เสมอ
ใครเล่าจะรู้ว่า อนาคตชีวิตทางการเมือง พล.อ.ประยุทธ์ จะหมดจากตำแหน่งนายกฯ ในปี 2565 หรือในปี 2568 หรือยาวไปถึงปี 2570
แต่น่าเชื่อว่าได้ อำนาจและบารมีทางการเมืองของ พล.อ.ประวิตร นั้น พล.อ.ประวิตร รู้อนาคตตัวเองอย่างแน่นอน เพราะนาทีนี้ 'พี่ใหญ่' คนนี้กำลังถูกมองว่าเป็นตัวเต็งนายกฯ คนต่อไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าจะนอกหรือในบัญชีรายชื่อนายกฯ ก็ตาม
ข่าวที่เกี่ยวข้อง