ทำให้ พล.อ.ประวิตร นิ่งไปพอสมควร ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ยืนกรานใดๆ โยนให้เป็นเรื่องของสภาตัดสิน ในฝั่ง พล.อ.ประวิตร ก็เป็นที่ชัดเจนว่า ‘ลุยต่อ-ไม่ถอย’ เป้าหมายคือการเป็น นายกฯ สมัยที่ 3
แต่ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ไม่สามารถขาด พล.อ.ประวิตร ได้ในฐานะ ‘ผู้จัดการรัฐบาล’ ที่อุ้ม พล.อ.ประยุทธ์ ขึ้นเป็น นายกฯ มาตั้งแต่เลือกตั้งปี 2562 โดยความสัมพันธ์ของ ‘พี่น้อง 2ป.’ เป็นไปในลักษณะ ‘เกื้อหนุนกัน’ ที่ต่างขาดกันไม่ได้ แม้สัมพันธ์ของทั้งคู่จะมี ‘รอยร้าว’ เกิดขึ้นจากหลายเหตุการณ์
ทว่ารอยร้าวนำมาสู่ ‘ความหวาดระแวง’ กันเอง โดยเฉพาะที่ พล.อ.ประยุทธ์ มีต่อ พล.อ.ประวิตร ถึงท่าทีที่ ‘พี่ชาย’ คนนี้มีต่อ ‘ขั้วเพื่อไทย’ หลังพูดเป็นนัยถึง 2 ครั้ง หลังเกิดปรากฏการณ์ ‘อุ๊งอิ๊งค์ฟีเวอร์’ ยอมรับว่า พปชร. ตกต่ำ และเป็นรองพรรคเพื่อไทย ที่ผ่านมา พปชร. ถูกมองว่าจับมือพรรคเพื่อไทย หลังจับมือดัน ‘บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ’ พ่วงด้วย ‘สูตรหาร 100’ ที่เข้าทางพรรคเพื่อไทยในการปลุกกระแส ‘แลนด์สไลด์’
ซึ่งในเวลานั้น พปชร. มีภาพเป็น ‘พรรคใหญ่’ และกระแสนิยมยังดี หลังเอาชนะเลือกตั้งซ่อมได้หลายจังหวัด แต่เมื่อสถานการณ์เปลี่ยน พปชร. แพ้เลือกตั้งซ่อมหลายสนาม
แถมสนาม กทม. โดนกระแส ‘ชัชชาติฟีเวอร์’ กับปรากฏการณ์ ‘เพื่อไทยแลนด์สไลด์’ ภาคแรก ทำให้ พปชร. ตกที่นั่งลำบาก เรตติ้ง ‘3ป.’ ทรุดหนัก ลามมาถึง ‘พรรคร่วมรัฐบาล’ นำมาสู่สูตร ‘หาร 500’ นั่นเอง ที่แทบไม่ต่างจากเลือกตั้งปี 2562
ในเวลานั้น พปชร. ‘ผู้กองมนัส’ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ผงาดขึ้นเป็น ‘เลขาธิการ พปชร.’ เป็นผู้เสนอไอเดีย ‘สูตรหาร 100’ ตามมาด้วยปรากฏการณ์ ‘ล้มนายกฯ’ กลางสภาฯ เมื่อปีที่แล้ว
แต่ พล.อ.ประยุทธ์ ‘ไหวตัวทัน’ ในเวลานั้น นายกฯ ถึงกับพูดว่ามี ‘หลงหูหลงตา’ เกิดขึ้น นำมาสู่การส่งคนของตัวเอง เข้าไปใน พปชร. เกิดการเขย่าภายใน จนสุดท้าย พปชร. ต้องขับ ‘มุ้งธรรมนัส’ พ้นพรรค ที่เปรียบเป็นการ ‘ปล่อยเสือเข้าป่า’
แต่ภาพของ ‘พรรคเศรษฐกิจไทย’ ยังถูกมองว่าเป็น ‘พรรคร่วมรัฐบาล’ ผ่านสายสัมพันธ์ ‘ธรรมนัส-ประวิตร’ ซึ่งที่ผ่านมา ‘ผู้กองธรรมนัส’ ก็ย้ำเสมอว่ายังคงเคารพ พล.อ.ประวิตร เสมอ ส่วนสายสัมพันธ์ ‘ธรรมนัส-เพื่อไทย’ ยังคงมี ‘ไมตรี’ ต่อกัน เพราะเป็น ‘บ้านหลังเก่า’ นั่นเอง
ล่าสุด ร.อ.ธรรมนัส เองก็ยอมรับผ่านการให้สัมภาษณ์สื่อว่า ยังคงเคารพนับถือ และยังคงติดต่อกับ ‘อดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร’ โดยอ้างว่าบางครั้งเรื่องในสภาฯ ไม่จบ ก็ต้องพูดคุย ฝากประสานบุคคลที่อดีตนายกฯ สามารถคุยได้
ซึ่งจุดนี้เองทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ มีความหวาดระแวง พล.อ.ประวิตร ที่ใกล้ชิดกับ ร.อ.ธรรมนัส จะมีการไป ‘ดีล’ อะไรกับ ‘ขั้วเพื่อไทย’ หรือไม่ กลายเป็น ‘สูตรดีลพิสดาร’ ที่ต้องดูให้ดีว่า ‘ใครได้-ใครเสีย’ มากกว่ากัน
สำหรับ พล.อ.ประวิตร เองก็มีสายสัมพันธ์กับ ‘อดีตนายกฯทักษิณ’ เพราะขึ้นเป็น ผบ.ทบ. ยุครัฐบาลทักษิณ ที่เกิดตำนาน ‘เกาะโต๊ะ’ ขึ้นมา อีกทั้ง พล.อ.ประวิตร ก็มีสายสัมพันธ์ที่แนบแน่นกับ ‘บ้านจันทร์ส่องหล้า’ ด้วย แม้ พล.อ.ประวิตร จะเคยยืนยันว่าไม่ได้พูดคุยกับ อดีตนายกฯทักษิณ มาตั้งแต่ปี 2548 หลังเกษียณฯจาก ผบ.ทบ. ก็ตาม
ทั้งนี้ อดีตนายกฯทักษิณ เคยเล่าผ่านไลฟ์สด แคร์ทอล์ค เมืา ช่วง ก.ค. 2564 ในการผลักดัน พล.อ.ประวิตร ขึ้นเป็น ผบ.ทบ. ตอนหนึ่งว่า “สมัย พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ (เป็น ผบ.ทบ.) พล.อ.ประวิตร ก็ถูกประจำ แล้วผมไปให้เขาจากประจำ มาเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 ตอนนั้นกองเชียร์เยอะมาก เช่น วัฒนา เมืองสุข เป็นรองเลขาฯผม สมัยนั้นเขาเป็น ส.ส.ปราจีนบุรี เขาก็เป็นพี่เป็นน้องกัน เขาก็เชียร์ อีกคนหนึ่งก็ ‘บิ๊กเหวียง’พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร ก็มาเชียร์”
“ผมไม่รู้จักเขาหรอก แต่ผมรู้ว่าเขาเป็นพี่ชายของ รุ่นพี่ผม คือ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผมก็เลยว่า รู้จักกันดี ก็โอเค ก็เลยตั้งเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 จากนั้นก็ขึ้นผู้ช่วย ผบ.ทบ. และเป็น ผบ.ทบ.” อดีตนายกฯทักษิณ กล่าว
นอกเหนือชื่อ ‘3ป.’ มีการโฟกัสอีกชื่อ ‘1ป.’ นั่นก็คือ ‘บิ๊กป๊อด’พล.ต.อ.พัชรวาท อดีต ผบ.ตร. น้องร่วมสายเลือด พล.อ.ประวิตร โดย พล.ต.อ.พัชรวาท จบ ตท.รุ่น 9 ส่วนอดีตนายกฯทักษิณ จบ ตท. 10
ชื่อ พล.ต.อ.พัชรวาท เคยมีกระแสข่าวมีชื่อไปเป็น ‘ที่ปรึกษา’ พรรคเศรษฐกิจไทย แต่สุดท้ายก็ไม่เกิดขึ้น เพราะด้วยมาด ‘นิ่งสุขุม’ ของ พล.ต.อ.พัชรวาท ที่ไม่นิยมทำการเมือง ‘หน้าม่าน’ เท่าไหร่ อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ชื่อ พล.ต.อ.พัชรวาท เคยจะมาเป็น รมว.มหาดไทย หลังเลือกตั้งปี 2562 ทำให้ พล.อ.ประวิตร พี่ชายต้องออกมาปฏิเสธว่า “ไม่มีหรอก ไม่มี ไม่มี ไม่มี พัชรวาทเลิกแล้ว ไม่เล่น”
ดังนั้น ‘สูตรหาร 500’ จึงเป็นมากกว่า ‘สูตรเลือกตั้ง’ แต่เป็น’ สูตรอำนาจ’ ในการเลือกตั้งปีหน้า ที่ชัดเจนแล้วว่า ‘เกม’ ของ พล.อ.ประยุทธ์ จะเป็นอย่างไร หนึ่งในนั้นคือการจับมือกับ ‘ขั้วเนวิน’ หรือ ‘พรรคภูมิใจไทย’ ต่อไป ที่เป็น ‘พรรคตัวแปรสำคัญ’ ในการเลือกตั้งครั้งหน้า
คนในพรรคภูมิใจไทยมองว่าการอยู่กับ พล.อ.ประยุทธ์ นั้น สามารถ ‘ต่อรอง’ ได้มากกว่าอยู่กับซีกพรรคเพื่อไทย เพราะเป็นเรื่องยากที่ พปชร. จะชนะขาดชนิด ‘แลนด์สไลด์’ ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ที่วางตัว ‘แทงกั๊ก’ มาตลอด ก็ไม่พ้นจับมือกับ พปชร. ต่อไปเช่นกัน
ทั้งหมดนี้เป็น ‘ปฏิบัติการ’ ของ พล.อ.ประยุทธ์ ในการ ‘กระชับอำนาจ’ ของตัวเอง กับ ‘พรรคร่วมรัฐบาล’ เพื่อปูทางเป็น นายกฯ สมัยที่ 3 อย่างน้อย 2 ปี หลัง พล.อ.ประยุทธ์ พูดเป็นนัยผ่านแถลงการณ์แนวทางนโยบาย ‘3 แกน’ ปลายสัปดาห์ก่อน ว่าทำมา 8 ปี กำลังผลิดอกออกผล พร้อมเชื่อว่าอีก 2 ปี จะสำเร็จ
เท่ากับว่า ‘บิ๊กตู่’ จะเป็น นายกฯ 10 ปี !!