ไม่พบผลการค้นหา
สหรัฐฯ ประกาศขึ้นกำแพงภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่ม คาดมีมูลค่า 50,000 ล้านดอลลาร์ หลังการสอบสวนเป็นเวลา 7 เดือนกรณีรัฐบาลจีนขโมยทรัพย์สินทางปัญญาบริษัทสัญชาติอเมริกันที่เข้าไปทำธุรกิจในจีน

นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มอีกมูลค่า 50,000 ล้านดอลลาร์ หรืออีกราว 1.5 ล้านล้านบาทอย่างเป็นทางการแล้ว โดยนายทรัมป์ต้องการที่จะมุ่งเป้าไปที่การจัดเก็บภาษีนำเข้าจากจีนเพิ่มเติมกับสินค้ากว่า 100 ชนิด

ตัวเลขที่รัฐบาลสหรัฐฯประเมินว่าจะต้องเก็บเพิ่มให้ได้นั้นถูกคิดคำนวณมากจากมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯที่ได้รับผลกระทบจากการถูกขโมยทรัพย์สินทางปัญญาของบรรดาบริษัทสัญชาติอเมริกันที่เข้าไปทำธุรกิจในประเทศจีน

นายทรัมป์ยืนยันว่ามาตรการสำคัญนี้เกิดขึ้นหลังจากที่รัฐบาลสหรัฐฯใช้เวลาร่วม 7 เดือนเต็มในการสืบสวนอย่างละเอียดในกรณีที่รัฐบาลจีนพยายามที่จะบิดเบือนกลไกตลาด บังคับให้บริษัทอเมริกันต้องเปิดเผยข้อมูลทางการค้าและทรัพย์สินทางปัญญาเมื่อยื่นคำขอเข้าไปทำธุรกิจในจีน ส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อบริษัทเหล่านั้น และทำให้คนอเมริกันตกงานมากขึ้น

มาตรการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่นายทรัมป์พุ่งเป้าการทำสงครามการค้าไปที่จีนโดยเฉพาะ โดยเขากล่าวก่อนการลงนามดังกล่าวว่าที่ผ่านมาสหรัฐฯขาดดุลการค้ากับจีนเป็นเงินหลายแสนล้านดอลลาร์ ซึ่งมาตรการขึ้นภาษีนี้เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น เพราะยังจะมีมาตรการอื่นๆหลายประการถูกบังคับใช้ตามมาเพื่อลดการขาดดุลการค้าในอนาคต

อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดว่าสินค้าประเภทใดบ้างจากจีนที่ถูกกำหนดให้มีการเก็บภาษีนำเข้าเพิ่ม และมีจำนวนมากถึง 100 ชนิดตามที่มีการคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าหรือไม่ แต่นักวิเคราะห์จากบลูมเบิร์กมองว่าท่ามกลางความขัดแย้งทางการค้าของสหรัฐฯและจีนครั้งนี้ ผู้ที่น่าจะไม่ได้รับผลกระทบเชิงลบเลยน่าจะเป็นกลุ่มบริษัทจากญี่ปุ่นและยุโรป

อย่างไรก็ตาม การประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีน ทำให้ดัชนีดาวโจนสืของสหรัฐฯร่วมลงไปกว่า 700 จุดในวันเดียว และหุ้นเอเชียก็ร่วมตามลงไปด้วย เนื่องจากกังวลต่อผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากการทำสงครามการค้าระหว่างสองมหาอำนาจ ขณะที่จีนก็ประกาศว่าจะขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯเพื่อตอบโต้การคว่ำบาตรครั้งนี้