ที่ สภ.คลองหลวง จังหวัดปทุมธานี บรรดานักกิจกรรมราษฎร และกลุ่ม WEVO รวม 21 คน เดินทางมาเข้าพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียกรับทราบข้อกล่าวหา จาก 2 เหตุการณ์คือ
1.การรวมตัวเรียกร้องให้ตำรวจปล่อยตัวสิริชัย นาถึง หรือ นิว นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ซึ่งถูกจับกุมตัวด้วยข้อหาหมิ่นกษัตริย์ โดยถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้พ่นสีข้อความ "ยกเลิก 112" บนรูปพระบรมวงศานุวงศ์ มีการเข้าค้นห้องพักและจับกุมในคืนวันที่ 13 ม.ค.2564
การจับกุมในยามวิกาลทำให้กลุ่มราษฎร ปีกแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม และประชาชนออกไปรวมตัวกันที่หน้า สภ.คลวงหลวง จนนำมาซึ่งการออกหมายเรียกผู้ร่วมชุมนุมในวันนั้นให้ไปรับทราบข้อกล่าวฐานฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ, พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ และดูหมิ่นเจ้าพนักงาน โดยมีผู้ถูกออกหมายเรียกทั้งหมด 12 ราย ทั้งนี้หนึ่งในกิจกรรมที่กลุ่มนักกิจกรรมแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ในคืนนั้นคือ การเทอาหารสุนัขด้านหน้าสถานีตำรวจ
2.การรวมตัวให้กำลังใจ ชยพล ดโนทัย หรือ เดฟ สมาชิกกลุ่ม WEVO และสมาชิกแนวร่วมศาสตร์และการชุมนุม ซึ่งเข้ามอบตัวตามหมายจับกรณีเดียวกันกับ นิว สิริชัย เมื่อวันที่ 15 ม.ค. 2564 แม้ในวันที่เกิดเหตุพ่นสีข้อความยกเลิก 112 ชยพลจะไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุก็ตาม
การรวมตัวกันให้กำลังในครั้งนั้นมีการทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์คือ นำเเพะ 3 ตัวที่คลุมผ้าสีแดงที่มีตัวอักษรยกเลิก 112 มาเข้ามอบตัวด้วย รวมทั้งการชักธงแดง 112 ขึ้นบนเสาธงชาติของ สภ.คลองหลวงด้วย
ทั้งนี้ หลังชยพลแสดงตนต่อหน้าพนักงานสอบสวน เจ้าหน้าที่ตัดสินใจไม่แจ้งข้อกล่าวหา และยื่นคำร้องขอยกเลิกหมายจับต่อศาล
แม้ชยพลจะไม่ถูกดำเนินคดี แต่นักกิจกรรมและประชาชนอย่างน้อย 16 รายที่ไปให้กำลังใจกลับได้รับหมายเรียกผู้ต้องหา ในวันนี้มีผู้เดินทางมารับทราบข้อหา 15 ราย เนื่องจากผู้ได้รับหมายเรียก 1 รายติดภารกิจ หมายเรียกระบุ 4 ข้อกล่าวหา ได้แก่ ข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ, พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ, พ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณา รวมถึง ร่วมกันกระทำชักหรือแสดงธงอันไม่สมควรต่อธงชาติในบริเวณสถานที่ราชการ ทั้งนี้ ในจำนวน 15 รายมี 6 คนที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาจากกรณีก่อนหน้าในการให้กำลังนิว สิริชัย นาถึง ด้วย
โดยสรุป มีผู้ถูกออกหมายเรียกให้รับทราบข้อกล่าวหาจากทั้ง 2 เหตุการณ์รวมทั้งหมด 22 คน (เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาในวันนี้ 21 คน อีก 1 คนติดภารกิจ) ในจำนวนนี้มีเยาวชนอายุ 17 ปี 2 คนที่ถูกดำเนินคดีด้วย
ประชาไท รายงานด้วยว่า รายชื่อผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมดมีรายชื่อดังนี้
1. พริษฐ์ ชิวารักษ์ 2. พิมชนก ใจหงษ์ 3. เบนจา อะปัญ 4. ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล 5. ณัฐชนน ไพโรจน์ 6. ชลทิศ โชติสวัสดิ์ 7. ชนินทร์ วงษ์ศรี 8. ปิยรัฐ จงเทพ 9. สิริชัย นาถึง 10. ณัฐพงศ์ คำจันทร์ 11. อัรฟาน ดอเลาะ 12. กิตติศักดิ์ กองเงินงาม 13. ประนอม พูลทวี 14. ไพศาล จันปาน 15. ณวรรษ เลี้ยงวัฒนา 16. ภาณุพงศ์ จาดนอก 17. ไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ 18. อรรถพล บัวพัฒน์ 19. พรหมศร วีระธรรมจารี 20. ศศลักษณ์ สงวนนามสกุล เยาวชนอายุ 17 ปี 21. สายชล (นามสมมติ) เยาวชนอายุ 17 ปี และ 22. สุวรรณา ตาลเหล็ก(ยังไม่ได้เดินทางมารับทราบข้อหาเนื่องจากติดนัดฟังคำสั่งฟ้องที่ศาลแขวงดอนเมือง)
สำหรับการเตรียมการรับมือของเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่า ก่อนหน้านี้ ในวันที่ 3 ก.พ. 2564 มีการประชุมติดตามการเตรียมความพร้อมการรักษาความสงบเรียบร้อยที่ สภ.คลองหลวง ภายใต้การอำนวยการ พล.ต.ท.อำพล บ้วรับพร ผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 1 โดยพล.ต.ต.พนัญชัย ชื่นใจธรรม ปฏิบัติราชการรองผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 1 เข้าประชุมติดการเตรียมความพร้อม
มีผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วย พล.ต.ต.ชยุต มารยาทตร์ ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี, นิติชัย ชัยวิริยานนท์ นายอำเภอคลองหลวง, พ.ต.อ.ธรรมนูญ เชาววะนิชย์ รอง ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี, พ.ต.อ.นิรุธ ประสิทธิเมตต์ รอง ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี, พ.ต.อ.จักริน พันธ์ทอง รอง ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี, พ.ต.อ.ฤทธินันท์ ปุ้ยพันธวงศ์ รอง ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี, พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์มิตรปราสาท ผกก.สภ.คลองหลวง, ว่าที่ร.ต.พิชญะ เพียราช ปลัดอำเภอคลองหลวง, รอง ผบก.ภ.จว.นนทบุรีพร้อมกำลังชุดคฝ., รอง ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยาพร้อมกำลังชุดคฝ.,กำลังชุดคฝ.ภ.จว.ปทุมธานี, ผกก.สภ.คลองห้า, ผกก.สภ.ธัญบุรี, ผกก.สภ.คลองสิบสอง, บก.ตชด.ภ.1, ศพฐ.1 และสาธารณสุขอำเภอคลองหลวง
ในช่วงบ่าย พล.ต.ต.ชยุต มารยาทตร์ ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี ได้ปล่อยแถวเจ้าหน้าที่ชุดควบคุมฝูงชนเพื่อซักซ้อมการปฏิบัติหน้าที่เตรียมความพร้อมสำหรับวันที่ 5 ก.พ.
ส่วนบรรยากาศในการเข้ารายงานตัวช่วงเช้าวันนี้ พบว่า เจ้าหน้าตำรวจนำแท่งปูนแบริเออร์มาตั้งไว้เพื่อปิดเส้นทางการจราจรด้านหน้าสถานีตำรวจ มีการวางแผงเหล็กกั้นปิดพื้นที่ด้านหน้าสถานีตำรวจ ไม่ให้ประชาชนและนักกิจกรรมเข้าไปรวมตัวบริเวณดังกล่าว นอกจากนี้ยังนำรถจีโน่ หรือรถฉีดน้ำแรงดันสูงมาประจำการไว้ พร้อมทั้งกระจายกำลังเจ้าหน้าที่ชุดควบคุมฝูงชนมากกว่าร้อยนายตามจุดต่างๆ รอบพื้นที่
สำหรับปฏิบัติการในการควบคุมสถานการณ์การเข้ารายงานตัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น มีรายงานว่า มีประชาชนทั่วไปได้รับผลกระทบไปด้วย เนื่องจากไม่สามารถเข้าไปทำธุระหรือติดต่อราชการยังหน่วยงานตั้งอยู่ใกล้ สภ.คลองหลวง ได้ เช่น กรณีที่ครอบครัวหนึ่งกำลังจะเดินทางเพื่อพาทารกไปฉีดวัคซีนก็ไม่สามารถเดินทางได้
มีรายงานด้วยว่า มีนักกิจกรรม 1 คนที่มาให้กำลังใจผู้ถูกออกหมายเรียกถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าล็อคตัว เนื่องจากเขาพยายามชูป้ายไวนิลที่มีข้อความเกี่ยวข้องกับการประท้วง อย่างไรก็ตาม เขาถูกมวลชนดึงตัวออกมาจากการควบคุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ แต่ป้ายไวนิลที่เตรียมมา 3 แผ่่นถูกยึดไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่กลุ่มผู้ถูกเรียกรายงานตัว นำโดยพริษฐ์ ชิวารักษ์ เดินทางเข้าไปพบพนักงานสอบสวน มีการร้องเพลง "คนที่คุณก็รู้ว่าใคร" ของวงสามัญชนประกอบด้วย นอกจากนี้ยังเตรียมหนังสือที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์การเมืองไทยมามอบให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่เจ้าหน้าที่ไม่รับหนังสือดังกล่าว
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานว่า ช่วง 10.30 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจจะแจ้งข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 215 วรรคสาม กับผู้ถูกออกหมายเรียก 16 คนซึ่งมีเยาวชนอายุ 17 ปี 2 รายรวมอยู่ด้วยและจะนำตัวไปขออำนาจศาลในการฝากขัง โดยที่ข้อหานี้ไม่ได้มีการระบุไว้ในหมายเรียกแต่อย่างใด
มาตรา 215 วรรคสามกำหนดว่า ผู้กระทำการเป็นหัวหน้า มั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไปทำให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมืองมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นรเศรษฐ์ นาหนองตูม ทนายความเปิดเผยว่า เดิมทีเจ้าหน้าที่ตำรวจจะนำตัวผู้ถูกกล่าวหา 16 คนไปยังศาลเพื่อขออำนาจฝากขัง แต่ผู้ต้องหาทั้งหมดให้การว่า ในกรณีนี้ถือว่าไม่มีเหตุฝากขังตามกฎหมาย พร้อมอ้างอิงถึงคำสั่งศาลอาญากรุงเทพใต้ คดีหมายเลขดำที่ พ.70/2561 ที่ศาลเคยปฏิเสธการขอฝากขังในกรณีที่ผู้ถูกกล่าวหาเดินทางมาพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียกด้วย
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เปลี่ยนแปลงกำหนดการ โดยไม่นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดไปศาลเพื่อขอฝากขัง และอนุญาตให้ผู้ต้องหาทั้งหมดเดินทางกลับได้หลังจากรับทราบข้อกล่าวแล้ว
การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในวันนี้ถูกวิจารณ์จากกลุ่มผู้ชุมนุมและผู้สนับสนุนว่ากระทำการเกินกว่าเหตุ โดยมีความเชื่อว่าเชื่อมโยงกับกรณีที่เกิดที่ สภ.ภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ เมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งมีการรวมตัวกันชุมนุมหน้าสถานีตำรวจของกลุ่มราษฎรอีสาน นำโดยจตุภัทร์ บุญภัุทรรักษา หรือ ไผ่ กลุ่ม UNME of anarchy มีการปราศรัยประเด็นการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ และประเด็นสิทธิมนุษยชนในเรื่องอื่นๆ ราว 3 ชั่วโมง มีการกางเต็นท์หน้าสถานีตำรวจ และขึ้นป้ายผ้าท่ีมีข้อความว่า "ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์" ด้วย
ต่อมาสื่อมวลชนรายงานว่า พล.ต.ท.ภานุรัตน์ หลักบุญ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 โกนหัวเพื่อธำรงวินัยตนเอง พร้อมทั้งเซ็นคำสั่งปลดย้ายว่าที่ พ.ต.อ.เพิ่มสุข ศิริพละ ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรภูเขียว ให้ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรภาค 3 โดยขาดจากตำแหน่งและหน้าที่สังกัดเดิมทันที พร้อมทั้งให้สัมภาษณ์ว่า การกระทำของกลุ่มราษฎรที่เกิดขึ้นด้านหน้า สภ.ภูเขียวถือเป็นการฝ่าฝืนพ.ร.ก.ฉุกเฉิน จัดปราศรัยและติดป้ายที่มีข้อความที่ไม่เหมาะสม ไม่บังควร แต่ผู้กำกับ สภ.ไม่ดำเนินการอันเป็นการป้องกันหรือระงับยับยั้ง และไม่ได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ แสดงถึงการปล่อยปละละเลยต่อหน้าที่ พร้อมย้ำว่าหนึ่งในหน้าที่ของตำรวจต้องเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วย
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ข้อมูลอ้างอิง