มูลค่าของบิทคอยน์ในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้ ตกลงไปราวร้อยละ 10 แต่เมื่อเทียบกับมูลค่าที่ดิ่งเหวของดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ที่ตกกว่าร้อยละ 23 เช่นเดียวกับดัชนีเอสแอนด์พี 500 ที่ตกลงใกล้เคียงกันในสัดส่วนร้อยละ 20 ก็ต้องถือว่าบิทคอยน์คงมูลค่าตัวเองได้ค่อนข้างดี
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ยังไม่มองว่าบิทคอยน์จะก้าวขึ้นมาเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยได้ในช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนเช่นนี้ ยิ่งเมื่อเทียบกับสินทรัพย์อย่างทองที่มีมูลค่าสูงขึ้นราวร้อยละ 4 ในไตรมาส 1/2563
ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้นักลงทุนเกิดความไม่มั่นใจกับสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงและพากันเทขายสินทรัพย์เหล่านั้นเพื่อเข้าซบสินทรัพย์ปลอดภัยหรือเปลี่ยนมาเป็นการถือสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูงแทน
ฝั่งคริปโทเคอร์เรนซีเองก็ต้องแบกรับความผันผวนของตลาดในไตรมาสแรกเช่นเดียวกัน โดยเมื่อ 8 มี.ค.ที่่ผ่านมาตลาดทั้งหมดพากันเทขายสกุลเงินดิจิทัลออกมาหลังราคาน้ำมันลดลงอย่างมาก ขณะที่ต่อมาในวันที่ 12 มี.ค.เม็ดเงินกว่า 93,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 3 ล้านล้านบาท หายไปจากตลาดภายในระยะเวลา 24 ชั่วโมง ส่วนบิทคอยน์เองมีราคาลดลงถึงร้อยละ 48
ช่วยเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมานี้ หลายฝ่ายก็ออกมามองบิทคอยน์ว่าเป็น 'ทองดิจิทัล' ของตลาด คือเปรียบเสมือนสินทรัพย์ปลอดภัยขั้นหนึ่งสำหรับนักลงทุน ทั้งนี้ บิทคอยน์ก็ยังไม่ได้มีศักยภาพอย่างที่ทองมี และยังเผชิญหน้ากับราคาที่ล่วงในหลายครั้ง
อย่างไรก็ตาม เหล่าผู้คนภายในวงการสกุลเงินดิจิทัลกลับมองว่าสถานการณ์ในปัจจุบันจะเป็นจุดเปลี่ยนที่ดีให้กับบิทคอยน์ โดย 'วิเจย์ เอยาร์' หัวหน้าฝ่ายพัฒนาธุรกิจของลูโน กล่าวว่า บิทคอยน์ยังถือว่ามีขนาดสินทรัพย์ไม่มากนักและมีความแตกต่างจากสินทรัพย์ดั้งเดิมค่อนข้างมาก พร้อมมั่นใจว่าสถานการณ์ในปัจจุบันจะเป็นเครื่องทดสอบบิทคอยน์ได้ดี
เอยาร์ กล่าวเพิ่มว่า แม้ว่าทอง "จะถูกสร้างขึ้นมาให้เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยมากกว่า" แต่บิทคอยน์ "ก็ถูกมองว่าเป็นตัวเลือกที่ 2 ณ ตอนนี้" แม้ว่าผู้ถือครองจะมีจำนวนน้อยกว่ามาก
เอยาร์ ปิดท้ายว่า เมื่อเวลาผ่านไป เทรนด์จะเริ่มเปลี่ยนมาที่บิทคอยน์มากขึ้น และทองจะสูญเสียส่วนแบ่งในตลาดไปเรื่อยๆ จนถึงจุดเปลี่ยนที่บิทคอยน์จะขึ้นมามีส่วนแบ่งตลาดมากกว่าทอง และการเคลื่อนไหวของบิทคอยน์จะเป็นตัวบ่งบอกแนวโน้มของตลาดแทน