ไม่พบผลการค้นหา
ผลวิจัยระบุว่า 'Social distancing' หรือ มาตรการระยะห่างทางสังคมจะช่วยชะลอการระบาดของไวรัสได้ หลังพบว่าอัตราการระบาดลดลงกว่าพื้นที่ที่ไม่ได้ทำ ขณะที่มาตรการห้ามเดินทางมีผลต่อการแพร่ระบาดน้อยกว่า

วอชิงตันโพสต์รายงานบทความแสดงกราฟการแพร่ระบาดในสหรัฐฯ ระบุว่า จำนวนผู้ติดเชื้อจะเพิ่มขึ้น 2 เท่าตัวในทุกๆ 3 วัน และอาจจะทำให้ทั่วทั้งสหรัฐฯ มีผู้ติดเชื้อประมาณ 100 ล้านคนภายในเดือนพฤษภาคมได้ แต่ทั้งนี้หากบังคับใช้มาตรการ Social distancing ก็อาจจะชะลอการระบาดและลดจำนวนผู้ติดเชื้อได้

ในบทความดังกล่าวยกตัวอย่างการใช้มาตรการต่างๆพบว่า หากไม่มีการกักตัว หรือมาตรการใด ผู้ติดเชื้อจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จากผู้ป่วยเพียง 1 รายเท่านั้น ขณะที่หากใช้มาตรการกักตัวประชาชน หรือหยุดการเดินทาง ก็จะสามารถชะลอการติดเชื้อในช่วงระยะเวลาหนึ่ง เเตื่เมื่อมีผู้ป่วยเพียง 1 รายก็จะสามารถแพร่เชื้อได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน และสุดท้ายหากใช้มาตรการ Social distancing หรือการเพิ่มระยะห่างทางสังคมการแพร่ระบาดจะชะลอตัวช้าลงและจะสามารถลดจำนวนผู้ติดเชื้อได้มากที่สุด

'Social distancing' คืออะไร

Social distancing หรือการเพิ่มระยะห่างทางสังคม เป็นมาตรการสาธารณสุขรูปแบบหนึ่งที่ช่วยป้องกันผู้ป่วยให้อยู่ห่างจากผู้ที่มีสุขภาพดี เพื่อลดโอกาสในการแพร่กระจายหรือส่งต่อเชื้อโรค ซึ่งระยะห่างนั้นไม่ควรต่ำกว่า 6 ฟุต หรือประมาณ 2 เมตร และมาตรการนี้เคยถูกนำมาใช้เมื่อเกิดการระบาดของไข้หวัดสเปนเมื่อปี 1918 และในเมืองหลวงของเม็กซิโกในช่วงไข้หวัดใหญ่ระบาดเมื่อปี 2009 ซึ่งสามารถช่วยลดการติดเชื้อของประชากรได้เป็นจำนวนมาก

หน่วยงานควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ (CDC) ระบุว่า มาตรการ Social distancing สำหรับการแพร่ระบาดของโควิด-19นั้น ให้หลีกเลี่ยงการจับกลุ่ม หลีกเลี่ยงฝูงคนเป็นจำนวนมากและรักษาระยะห่างจากผู้อื่นถ้าเป็นไปได้โดยเฉพาะผู้ที่แสดงอาการป่วย ไอ จามหรือมีไข้ เป็นต้น นอกจากนี้ยังให้หลีกเลี่ยงการจับมือ หรือ การกอดกับผู้อื่น

ขณะที่ในระดับชุมชนนั้น การใช้มาตรการ Social distancing จะรวมไปถึง

- การระงับหรือปิดชั้นเรียน โรงเรียน วิทยาลัย และมหาวิทยาลัย เพื่อป้องกันการรวมตัวกันของคนหมู่มาก

- การยกเลิกกิจกรรมต่างๆ รวมไปถึงการแข่งขันกีฬา งานเทศกาล และงานพาเหรดต่างๆ

- สถานที่ทำงานจะต้องปรับเปลี่ยนเวลาทำงานที่ยืดหยุ่นขึ้น รวมไปถึงการปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานที่ไม่ต้องพบปะกัน

อย่างไรก็ตามผู้เชี่ยวชาญหลายรายเห็นว่า แม้ว่ามาตรการแทรกแซงทางสังคมต่างๆ ทั้งการยกเลิกกิจกรรมต่างๆเป็นสิ่งสำคัญในสร้างระยะห่างทางสัมคมให้เกิดขึ้น แต่ทั้งนี้ การเปลี่ยนพฤติกรรมของบุคคลก็เป็นสิ่งสำคัญ เช่นกัน

'Social distancing' กับการชะลอการระบาด

เวบไซต์ Sciencenews เปรียบเทียบมาตรการในเมืองกว่างโจวและมืองอู่ฮั่นของประเทศจีนในการรับมือกับการระบาดของเชื้อโควิด-19 ซึ่งพบว่า เมืองกวางโจว ได้ออกมาตรการ Social distancing ทั้งการปิดโรงเรียน ห้ามจัดกิจกรรมรวมกลุ่มขนาดใหญ่ และออกมาตรการกักประชาชนหลังจากพบผู้ติดเชื้อรายแรกในเมือง มีอัตราการแพร่ระบาดของไวรัสเพียงแค่ 0.8 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับเมืองอู่ฮั่นอัตราการระบาดอยู่ที่ 4.5 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากเมืองอู่ฮั่น ไม่ได้มีมาตรการใดๆต่อการระบาดหลังที่พบผู้ติดเชื้อรายแรกจนกระทั่งมีการระบาดหนักก่อนปิดเมืองในวันที่ 23 ม.ค.

ดร.ไคท์ลิน ริเวอร์ นักระบาดวิทยาจากศูนย์สุขภาพของมหาวิทยาจอห์น ฮอปกิ้นส์ของสหรัฐฯ กล่าวว่า จากตัวอย่างมาตรการในประเทศจีน ทำให้เห็นว่า ทำไมการใช้มาตรการ Social distancing จึงมีความสำคัญและเป็นแนวทางที่เหมาะสมในการลดการแพร่เชื้อ โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่ติดเชื้อแต่ไม่ได้มีอาการป่วยใดๆ (หรือเป็นพาหะ) จะสามารถแพร่เชื้อไปยังผู้อื่นได้ หากไม่มีการใช้มาตรการนี้อย่างจริงจัง ซึ่งในรายงานประเมินว่า 'ผู้ติดเชื้อกว่าครึ่งในสิงคโปร์และเมืองเทียนจินของประเทศจีนติดเชื้อจากผู้ที่เป็นพาหะ'

ขณะที่ วิลเลียม ฮาเนจ นักระบาดวิทยาจากวิทยาลัยสาธารณสุขของมหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ดกล่าวว่า การแพร่ระบาดของไวรัสนั้นส่วนใหญ่เกิดจากปฏิสัมพันธ์ หรือการอยู่ร่วมกันในชุมชนเป็นหลัก แต่มาตรการห้ามเดินทางก็เป็นส่วนหนึ่งในการหยุดการรับเชื้อเข้ามาในชุมชนเป็นที่แรก แต่อย่างไรก็ตามมาตรการ 'Social distancing' นั้นมีความสำคัญต่อการชะลอการระบาดมากกว่ามาตรการ 'ห้ามเดินทาง'

ที่มา Johns Hopkins / nytimes

ข่่าวที่เกี่ยวข้อง