ที่ผ่านมาเมียนมาถือเป็นประเทศที่ไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อโควิด-19 แม้แต่รายเดียว และจนถึงช่วงดึกของวานนี้ (23 มี.ค.) มีผู้ได้รับการตรวจหาเชื้อเพียง 214 ราย แต่ล่าสุด กระทรวงสาธารณสุขเมียนมายืนยันพบผู้ป่วย 2 รายแรกในประเทศ ได้แก่ชายชาวเมียนมาวัย 36 ปี ซึ่งเดินทางกลับจากสหรัฐฯ และชายชาวเมียนมาวัย 26 ปี ที่เดินทางกลับจากอังกฤษ โดยแถลงการณ์ของกระทรวงระบุว่า จะทำการตรวจสอบทุกคนที่มีประวัติติดต่อกับผู้ติดเชื้อทั้งสองรายนี้ ซึ่งการประกาศนี้ก็ส่งผลสร้างความตื่นตระหนก มีประชาชนจำนวนมากแห่ไปซื้อของที่ซูเปอร์มาเก็ตในนครย่างกุ้ง
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เมียนมาได้ปิดชายแดนทางบกและห้ามการรวมกลุ่มขนาดใหญ่ ซึ่งครอบคลุมถึงการฉลองปีใหม่ในเดือนเมษายนนี้ด้วย สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า โรงภาพยนตร์ต่างๆ ได้ปิดทำการ แม้ว่าบาร์และร้านอาหารจะยังคงเปิดอยู่
ก่อนหน้านี้ โฆษกรัฐบาลเมียนมาอ้างว่าวิถีชีวิตและอาหารของคนในเมียนมามีส่วนช่วยในการป้องกันประเทศจากการระบาดของไวรัส แต่ 'นายฟิล โรเบิร์ตสัน' ผู้อำนวยการฝ่ายเอเชียของฮิวแมนไรท์วอชชี้ว่า ทัศนคติดังกล่าวของรัฐบาลเมียนมาขาดความรับผิดชอบ ทำแต่เพียงสร้างความรู้สึกมั่นคงแบบผิดๆให้กับประชาชน ส่วนแพทย์บางส่วนก็เผยว่ารู้สึกกังวลต่อการระบาดใหญ่ในขณะที่เมียนมาเป็นหนึ่งในประเทศที่มีระบบสาธารณสุขรั้งท้ายของโลกหลังจากถูกละเลยมาหลายทศวรรษภายใต้การปกครองของเผด็จการทหาร บริการหลายอย่างต้องดำเนินโดยอาสาสมัครและกลุ่มให้ความช่วยเหลือ
ชาวต่างชาติจำนวนมากได้เดินทางออกจากเมียนมาโดยมีคำเตือนจากสถานเอกอัครราชทูตหลายแห่งเกี่ยวกับการติดอยู่ในประเทศแห่งนี้ซึ่งมีระบบสาธารณสุขอ่อนแอที่สุดแห่งหนึ่งในโลก ขณะเดียวกัน ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาก็มีแรงงานอพยพหลายพันคนเดินทางจากไทยกลับเมียนมา ซึ่งทำให้ชาวเมียนมายิ่งกังวลต่อการระบาดของไวรัสมากยิ่งขึ้น