นายกรัฐมนตรี 'เหงียน ซวน ฟุก' ระบุในแถลงการณ์ว่าตอนนี้ไม่มีจังหวัดใดในประเทศที่ถูกจัดว่ามีความเสี่ยงสูงต่อโควิด-19 โดยทั้งกรุงฮานอยและนครโฮจิมินห์ ซึ่งเป็น 2 เมืองใหญ่ที่สุดของประเทศได้ถูกลดระดับจากพื้นที่ความเสี่ยงสูงลงมาอยู่ที่กลุ่มความเสี่ยงระดับกลาง โดยการคลายมาตรการล็อกดาวน์มีผลเที่ยงคืนวันนี้ (23 เม.ย.) อย่างไรก็ตาม ในบางพื้นที่ของเมืองที่ยังมีผู้ติดเชื้อหลายราย ยังคงถูกจัดในอยู่ในระดับความเสี่ยงสูงและยังมีคำสั่งให้ดำเนินมาตการเว้นระยะห่างทางสังคมเข้มงวดต่อไป

หลังจากเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่ติดต่อกันเป็นเวลา 6 วัน รัฐบาลเวียดนามก็ระบุว่า ร้านค้าบางแห่งและบริการบางอย่างจะได้รับอนุญาตเปิดทำการอีกครั้ง โดยรายงานระบุว่า คาเฟ่จำนวนหนึ่งในกรุงฮานอยได้กลับมาเปิดบริการอีกครั้งในวันนี้ แม้ว่าท้องถนนที่เคยเต็มไปด้วยรถจักรยานยนต์ นักท่องเที่ยวและแผงขายของจะยังคงเงียบเชียบ

นายกรัฐมนตรีเวียดนามได้มีคำสั่งให้ทางการท้องถิ่นในพื้นที่ความเสี่ยงปานกลางและความเสี่ยงต่ำ จับตาดูสถานการณ์การระบาดในพื้นที่ของตัวเองอย่างใกล้ชิดและกำหนดเงื่อนไขเพื่อให้การผลิตและธุรกิจต่างๆ กลับมาเปิดทำการ โดยทางการท้องถิ่นได้รับสิทธิตัดสินใจว่าธุรกิจใดจะเปิดได้หรือไม่ ขณะที่ในพื้นที่เสี่ยง กิจกรรมทางธุรกิจบนท้องถนนยังคงถูกห้ามอย่างเข้มงวด อย่างไรก็ตาม นายเหงียน ซวน ฟุก ก็เตือนประชาชนว่าอย่าเพิ่งออกมาฉลองการคลายมาตรการเว้นระยะทางสังคม กิจกรรมต่างๆ เช่นงานเทศกาล งานกีฬาที่ต้องมีคนรวมตัวกันจำนวนมากยังถูกห้าม ไปจนถึงบาร์ ร้านคาราโอเกะ ร้านนวด ร้านเสริมสวย ร้านดอกไม้และสวนสัตว์ยังคงห้ามเปิดทำการ นอกจากนี้ ยังแนะนำประชาชนให้สวมหน้ากากป้องกันตัวเองต่อไป รวมถึงรักษาระยะห่างกับผู้อื่นเมื่อไปซูเปอร์มาเก็ต และรักษามาตรการกักตัวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าเวียดนาม 

ทั้งนี้ เวียดนามได้รับเสียงชื่นชมเรื่องการควบคุมการระบาดของโควิด-19 แม้มีชายแดนติดกับจีน แต่จนถึงตอนนี้เวียดนามก็สามารถคุมจำนวนผู้ติดเชื้อให้อยู่ไม่ถึง 300 รายได้ และไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 แม้อัตราการตรวจจะอยู่ในระดับต่ำและมีผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อมาจากกระทรวงสาธารณสุขเพียงแหล่งเดียว โดยเวียดนามเป็นหนึ่งในประเทศแรกๆ ที่ห้ามเที่ยวบินที่เดินทางไปและมาจากจีนแผ่นดินใหญ่เข้าตั้งแต่ต้นเดือน ก.พ. ในขณะที่ยังมีผู้ติดเชื้อในประเทศไม่มาก โดยยังได้รับเสียงชื่นชมจากมาตรการกักตัวและการติดตามผู้สัมผัสเชื้ออย่างเข้มงวด ซึ่งได้เครือข่ายรากหญ้าของพรรคคอมมิวนิสต์เป็นส่วนสำคัญในการตรวจตราผู้ติดเชื้อในชุมชน ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกภูมิภาคแปซิฟิกตะวันตกระบุว่า ความสำเร็จของเวียดนามในการทำให้ประชาชนร่วมมือคือกุญแจสำคัญ รวมถึงมาตรการกักตัวเฝ้าระวังโรค โดยรายงานระบุว่าจนถึงตอนนี้มีผู้ที่เข้ารับการกักตัวเฝ้าระวังโรคในสถานที่กักตัวของรัฐแล้วหลายหมื่นราย ซึ่งรวมถึงพลเมืองเวียดนามที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ 

อ้างอิง CNA/Reuters/Vietnam Insider