พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวถึงการเปิดประชุมสภาฯ ล่าช้าจะส่งผลกระทบต่อมาตรการเยียวยาของประชาชนแน่นอน เพราะการประชุมสภาฯ จะนำไปสู่การพิจารณาร่วมกันของ ส.ส.ให้นำเงินไปใช้เกิดประโยชน์อย่างตรงจุด ส่วนการที่รัฐบาลปัจจุบันไม่มีเงินเพียงพอที่จะเยียวยาประชาชน เพราะในยุครัฐบาล คสช.ได้ใช้อำนาจกู้เงินล่วงหน้าและผลาญงบประมาณไปหมดแล้ว
ส่วนกรณีที่กลุ่มนักศึกษาเริ่มออกมาเคลื่อนไหวและวิจารณ์ ส.ว. ผ่านทางโลกออนไลน์นั้น ตนเห็นด้วย เพราะมองว่า ส.ว.ไม่ได้มาจากประชาชน โดยมากจะเห็นได้ว่ามาจากระบบอุปถัมภ์ทั้งสิ้น เพื่อโหวตให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี และอาจรวมถึงรัฐบาลชุดหน้าด้วย เพราะ ส.ว. จะยังคงอยู่ในตำแหน่งจนถึงการเลือกตั้งครั้งหน้า ดังนั้น ควรยอมรับคำวิจารณ์ปละมีจิตสำนึกที่อย่างน้อยเจียดเงินเดือน มาช่วยกู้วิกฤตสถานการณ์โควิด -19 บ้างก็ยังดี
อย่างไรก็ตามคิดว่าหน้าที่ ส.ส. คือดูแลประชาชน ไม่เกี่ยวว่าจะเกิดวิกฤตโควิด-19 หรือไม่ เพราะตามบทบาททั้งการช่วยเหลือไม่ว่าจะเป็นงานด้านประเพณีชุมชน หรือภัยพิบัติ ก็ล้วนเป็นหน้าที่ ส.ส. ทั้งสิ้น
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ มองว่า การจะยืดระยะเวลาหรือยุติประกาศ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน นั้น เป็นอำนาจของรัฐบาล แต่ก็มีประชาชนที่ได้รับผลกระทบจำนวนมาก เช่นเดียวกับตนที่ต้องปิดกิจการรีสอร์ทเป็นการชั่วคราว แต่ภาระค่าใช้จ่ายยังคงเดิม จึงอยากให้เห็นใจประชาชนที่หาเช้ากินค่ำ เพราะสถานการณ์ของประเทศไทยเวลานี้ดีขึ้นกว่าอีกหลายประเทศ ผู้มีอำนาจควรพิจารณาและทบทวนแนวทางการรับมือ โควิด -19
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ยังเสนอโดยเห็นพ้องกับหลายพรรคการเมืองว่าควรตัดงบประมาณปี 2563 ที่ไม่จำเป็นของหลายกระทรวง ซึ่งการจะตัดงบที่คิดเป็นเปอร์เซ็นต์จากทุกกระทรวงนั้นไม่ถูกต้องและไม่เป็นธรรม เพราะต้องดูความจำเป็นของแต่ละกระทรวง
ขณะที่กระทรวงกลาโหม ได้งบจำนวนมหาศาล ทั้งที่ไม่มีความจำเป็นและไม่สอดคล่องกับโลกยุคปัจจุบัน จึงควรตัดงบประมาณออกมาให้มาก แต่ไม่ควรไปตัดงบประมาณของกระทรวงสาธารณสุข, กระทรวงอุดมศึกษาฯและกระทรวงพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ ซึ่งความจริง 3 กระทรวงนี้ ควรได้งบประมาณมากกว่าที่เป็นอยู่ เพื่อใช้พัฒนาทรัพยากรมนุษย์และดูแลประชาชน