วันที่ 18 ก.พ. 2566 พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมใหญ่สามัญประจำปีครั้งที่ 1/2566 ว่าการประชุมใหญ่ในวันนี้จะมีการแถลงนโยบายพรรคให้ผู้สมัครได้เข้าใจ จากนั้นจะเข้าสู่วาระการรายงานการประชุม โดยจะมีการรายงานเรื่องการจัดตั้งตัวแทนจังหวัด ตัวแทนสาาว่ามีความเรียบร้อยแล้วหรือไม่ ซึ่งต้องรีบจัดการให้เสร็จเพื่อเตรียมพร้อมก่อนการเลือกตั้ง 

โดยในส่วนของพรรคเสรีรวมไทยนั้นจะเสร็จสิ้นภายในสิ้นเดือนนี้ พร้อมย้ำว่า “ห่วงแต่พรรครวมไทยสร้างหนี้ที่จะมีผู้สมัครไม่ครบ และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี” อีกทั้งวันนี้พรรคเสรีรวมไทย จะมีการคัดเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ รวมถึงผู้อำนวยการของพรรคจะขึ้นชี้แจงระเบียบการหาเสียงต่างๆ ให้กับว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. 

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะส่งผู้สมัครครบทั้ง 400 เขตหรือไมา พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า ตอนแรกก็คบแต่รัฐธรรมนูญฉบับนี้ใช้ไม่ได้เพราะสร้างมาจาก “เฒ่าสารพัดพิษ” จึงทำให้เละเทะไปหมดอยู่พรรคนี้แต่ไปรับเงินอีกพรรค สอนให้คนไม่จงรักภักดี อย่างผู้สมัครที่ ยืนยันตัวตนมาแล้วก็ถูกพรรคการเมืองใหญ่ดึงตัวไป แต่ยืนยันว่า พรรคมีการวางตัวผู้สมัครสำรองไว้ และจะพยายามส่งให้ครบ 

เมื่อถามถึงพื้นที่เป้าหมายในการเลือกตั้งครั้งนี้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า ส่วนใหญ่จะเป็นในพื้นที่กรุงเทพฯ ส่วนต่างจังหวัดก็มีหลายพื้นที่ แต่มองว่าอาจจะสู้พรรคใหญ่ไม่ได้ เพราะจากการติดตามข่าวที่ผ่านมา พบว่าคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ไม่ทำหน้าที่ของตนเอง เห็นได้จากหลายพรรคลงพื้นที่หาเสียงจัดเวทีขนาดใหญ่ ใช้งบประมาณเท่าไหร่ นำคนมาฟังปราศรัยนั้นมีการจ่ายเงินหรือไม่ ซึ่งพวกนี้ผิดกฎหมายทั้งหมด แต่ กกต. เอาหนูไปนาเอาตาไปไร่ 

ส่วนแคนดิเดทนายกรัฐมนตรีของพรรคนั้น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า ทางพรรคเสนอชื่อตนอยู่แล้ว ซึ่งถ้าหากว่าได้ ส.ส. 25 ที่นั่งก็มีสิทธิ์จะเสนอชื่อแคนดิเดทนายกรัฐมนตรีในสภา พร้อมย้ำว่า แม้การเลือกตั้งครั้งนี้จะใช้บัตรสองใบ แต่ตลอด 4 ปีที่ผ่านมาพรรคเสรีรวมไทยสร้างผลงานไว้มาก โดยเฉพาะเรื่องการปราบปรามทุจริต และคอรัปชั่น พร้อมระบุอีกว่าหลายพรรคการเมืองได้ลอกนโยบายของตน เพียงแต่มีการติดป้ายที่ใหญ่กว่า เสียงดังกว่า เงินมากกว่า ทำโฆษณามากกว่า 

ผู้สื่อข่าวสอบถามถึงกรณีที่หากพรรคเพื่อไทยจับมือกับพรรคพลังประชารัฐเพื่อจัดตั้งรัฐบาล พรรคเสรีรวมไทยสามารถร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐได้หรือไม่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า ตนต่อต้านรัฐประหารมาตลอด และการรัฐประหารที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นตัวหลัก และเป็นตัวเผด็จการที่แท้จริง หากพล.อ.ประยุทธ์ ไม่ทำ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยก็ทำไม่ได้ ซึ่งตนจะต่อต้านตัวหลัก เอากันให้ตายไปข้างหนึ่ง ส่วน พล.อ.ประวิตร ไม่ใช่ตัวหลัก หากจะร่วมงานก็สามารถร่วมได้ พร้อมยืนยันว่า การเลือกตั้งครั้งนี้หาก พล.อ.ประยุทธ์ เป็นรัฐบาลตนก็พร้อมจะเป็นฝ่ายค้าน

ส่วนในฐานะที่เป็นอีกหนึ่งพรรคซึ่ง ชูนโยบายเรื่องการปราบโกงเป็นหลักจะมีการทาบทาม ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทยมาร่วมงานหรือไม่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า ยังไม่ได้มีการทาบทาม หรือเชิญแต่อย่างใด แต่จะดำเนินการต่อเมื่อเลือกตั้งเสร็จแล้วก็ค่อยมาพูดคุยกัน และมองว่า ชูวิทย์ ทำงานในเรื่องของการปรามทุจริตอยู่แล้วจึงมองว่าสามารถมาร่วมงานด้วยกันได้ 

ส่วนกรณีที่สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) จะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ และพล.อ.ประวิตร นั้น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ มองว่า เป็นสิทธิ์ของเขาตามรัฐธรรมนูญที่โกงมา แต่ส่วนตัว มองว่าตลอดสี่ปีที่ผ่านมาสอวอก็พิจารณา การทำงานของ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ว่าทำไมถึงออกมาเป็นแบบนี้ 8 ปีที่ผ่านมาไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ซึ่งจะเห็นได้ว่ามี ส.ว. ส่วนหนึ่งไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ แล้ว ซึ่งตนก็มั่นใจว่า แม้จะเปิดโหวตก็ไม่สามารถได้ 249 เสียงแล้ว เนื่องจากผู้ที่ตััง ส.ว. ขึ้นมา คือ พล.อ.ประวิตร ด้วย ซึ่งจะมีการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายกัน เรียกว่าครึ่งต่อครึ่งจะพอหรือไม่ และพล.อ.ประยุทธ์ จะหน้าด้านเป็นนายกฯ ต่ออีกหรือไม่ 

เมื่อถามว่า จะมีการกำชับลูกพรรคเพื่อไม่ให้เกิดงูเห่าอย่างไร พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า ของแบบนี้มันอยู่ในใจ กำชับอย่างไรก็ห้ามไม่ได้ ขนาดการเลือกตั้งซ่อมที่ลำปาง ตนก็ใช้เงินทั้งหมด และไปลงพื้นที่หาเสียงด้วยตัวเองจนเป็นเล็บขบ ซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่หาย ก็ยังทรยศหักหลังกันได้ เพราะ “ไอ้พรรคระยำ” มันซื้อตัวหมด เพื่อต้องการให้มีสอสอมาก เพื่อจะได้เป็นนายกรัฐมนตรี วิธีเหล่านั้นจะทำให้ประเทศชาติเสียหาย จะเห็นได้ว่าพรรคเสรีรวมไทยไม่ค่อยมี ส.ส. มาร่วมงานเนื่องจากไม่มีเงินให้ แต่ถึงมีก็ไม่ให้ เพราะเป็นเรื่องชั่วร้ายที่มีการซื้อคน แสดงว่ามันเลวทั้งคนซื้อและคนถูกซื้อ