ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.อุดรธานี เมื่อเวลาวันที่ 7 มี.ค. โดยช่วงเย็น นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ที่ปรึกษาพรรครวมพลังประชาชาติไทย ก่อนจะทำการปราศรัยช่วยผู้สมัครของพรรครวมพลังประชาชาติไทย นั่งพักผ่อนที่หน้าโรงแรมประจักษ์ตราดีไซน์ ถ.เพาะนิยม เทศบาลนครอุดรธานี รอจะขึ้นเวทีปราศรัยที่ลานอเนกประสงค์ สวนสาธารณะหนองประจักษ์ศิลปาคม ที่อยู่ตรงข้ามโรงแรม นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา ที่เสร็จจากการพบสมาชิกพรรคในเขตจังหวัดภาคอีสานเหนือ และผู้สมัครของพรรคชาติพัฒนา ในเขตจังหวัดอีสานตอนบน ที่โรงแรมบ้านเชียง และเตรียมจะมาเดินรณรงค์หาเสียงกับประชาชนที่มาออกกำลังกาย ที่สวนสาธารณะหนองประจักษ์
โดยนายสุวัจน์ เห็นนายสุเทพ นั่งอยู่ที่หน้าโรงแรม จึงเข้าไปหานายสุเทพ พร้อมกับผู้สมัครพรรคชาติพัฒนา ที่สวมใส่เสื้อสีแสด โดยทั้งสองต่างพากันจับมือกัน ท่ามกลางการห้อมล้อมของผู้สมัครของ ส.ส.ที่ร่วมเดินทางมา นายสุวัจน์ สอบถามนายสุเทพว่า เดินทางทุกจังหวัดทั่วประเทศหรือยัง นายสุเทพ ตอบว่า ตนไปเดินครบแล้วทั้ง 77 จังหวัด ที่ต้องเดินเพราะว่าช่วยหาเสียง คนที่มีเงินก็ใช้เงินหาเสียง คนที่มีสมองก็ใช้สมองหาเสียง ตนมีแต่เท้าจึงต้องใช้เท้าเดินหาเสียงไปทั่วประเทศ
นายสุวัจน์ จึงหยอกล้อว่า จะเดินแจกบัตรแนะนำตัวในสวนสาธารณะหนองประจักษ์ เมื่อมีเวทีของพรรครวมพลังประชาชาติไทย จะขอขึ้นเวทีด้วยได้ไหม ซึ่งทั้งนายสุเพพ และนายสุวัจน์ ได้พูดคุยกันประมาณ 30 นาที นายสุวัจน์จึงเดินทางไปยังสนามบินอุดรธานี เพื่อเดินทางกลับ กทม.
ต่อมาเวลา 17.00 น. นายสุเทพ ได้เดินจากโรงแรมข้ามถนนเข้าไปยังสวนสาธารณะหนองประจักษ์ เพื่อเตรียมปราศรัย โดยมีประชาชนที่สนับสนุนพรรครวมพลังประชาชาติไทย จากทั้ง 8 เขตเลือกตั้ง ประมาณ 1,700 คน มาร่วมรับฟังการปราศรัยของนายสุเทพฯ ซึ่งก่อนหน้ามี ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล หัวหน้าพรรคฯ นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ ผู้สมัครบัญชีรายชื่อ ปราศรัยเรียกน้ำย่อย โดยที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบ, เจ้าหน้าที่ข่าวกรอง, กอ.รมน. มาร่วมดูแลรักษาความปลอดภัย และร่วมสังเกตการณ์
จากนั้นเวลา 19.00 น. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ขึ้นเวทีกล่าวปราศรัยใจความว่า วันนี้ได้พบกับนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา ที่มารณรงค์หาเสียงใน จ.อุดรธานี มีการพูดคุยกันเรื่องการบ้านการเมือง คุณสุวัจน์ขอบคุณมวลมหาประชาชน ที่ทำให้มีรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ที่ใช้ในการเลือกตั้งครั้งนี้ เพราะได้เปลี่ยนแปลงวิธีหาเสียง จากเดิมผู้สมัคร ส.ส.ไม่ต้องลงพื้นที่หาประชาชน แต่จะใช้หัวคะแนนลงไปพบประชาชนแทน รัฐธรรมนูญใหม่ทำให้ผู้สมัคร ส.ส.ไปหาประชาชน
นายสุเทพ ยังกล่าวโจมตีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ย้อนอดีตไปตั้งแต่ก่อนลงเลือกตั้ง เป็นเจ้าของสัมปทานโทรคมนาคม เมื่อเข้ามามีอำนาจก็สั่งให้ลูกน้อง และบริวาร กอบโกยผลประโยชน์ให้ตัวเอง จนนายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงษ์ลี ต้องติดคุก , สั่งลูกน้อง บริวาร และนักการเมือง แก้ไขกฎหมายไม่ต้องเสียภาษี ขายกิจการสัมปทานให้สิงคโปร์ 70,000 ล้าน , ปี 52-53 ศาลพิพากษาจำคุก 2 ปี ต้องหนีไปต่างประเทศ หรือการทุจริตจำนำข้าว เสียหายมากกว่า 5 แสนล้าน ประเทศไทยต้องใช้หนี้อีก 16 ปี
นายสุเทพฯ ยังโจมตี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีด้วยว่า ตนเองเรียกผู้หญิงคนนี้ว่า “นางดอกไม้” ภาษาใต้บอกว่า “อ้อล้อ” ภาคกลางว่า “กระแดะ” อีสานชาวบ้านเรียกว่า “สะดิ้ง” พยายามที่ออกกฎหมาย “นิรโทษกรรมสุดซอย” หรือ “กฎหมายลักหลับ” ทำให้ตนเองต้องลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาอยู่เคียงข้างประชาชน