การประชุมผู้ร่วมจัดตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) มีมติเลือกกรรมการบริหารพรรคชั่วคราว ตามรายชื่อที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรคฯ เสนอในการประชุม ได้แก่ หม่อมราชวงศ์ จัตุมงคล โสณกุล อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย และอดีตปลัดกระทรวงการคลัง เป็นหัวหน้าพรรค, นายทวีศักดิ์ ณ ตะกั่วทุ่ง เลขาธิการพรรค, นางสาวจุฑาทัตต เหล่าธรรมทัศน์ เป็นเหรัญญิก, ร.ต.อ. จอมเดช ตรีเมฆ เป็นนายทะเบียนพรรค, พล.ท. นันทเดช เมฆสวัสดิ์, นายวีระชัย คล้ายทอง, นางสุเนตตา แซ่โก๊ะ เป็นกรรมการบริหารพรรค
ส่วนนายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ ที่ได้รับการเสนอชื่อจากผู้ร่วมจัดตั้งพรรคคนอื่นๆ ให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค ขอถอนตัวเนื่องจากเห็นว่า ม.ร.ว.จัตุมงคล มีคุณสมบัติที่เหมาะสมมากกว่าตน
ม.ร.ว. จัตุมงคล กล่าวว่า ตามรัฐธรรมนูญ ฉบับปัจจุบัน ทำให้พรรคการเมืองเดียวชนะการเลือกตั้งจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดี่ยวเป็นไปได้ยาก ดังนั้นจึงมีว่าโอกาสที่จะได้ร่วมรัฐบาลเป็นไปได้ อย่างไรก็ตาม การเลือกตั้งครั้งหน้าเสมือนการเลือกนายกรัฐมนตรี ตนคิดว่าประชาชนจะเลือก ส.ส. จากแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของแต่ละพรรค ไม่ปฏิเสธว่าอนาคตจะใส่ชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลงไปใน 3 รายชื่อหรือไม่ แต่ส่วนตัวรับได้ ถ้าวันหนึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จะบอกว่าเป็นนักการเมืองที่เคยเป็นทหาร ยอมรับว่าหากไม่มี กปปส. ก็ไม่มีวันนี้ เพราะพรรค รปช. มีฐานมาจาก กปปส.
ส่วนการจะร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐหรือประชาธิปัตย์หรือไม่ ยังไม่เห็นว่ามีอะไรขัดกัน แต่สำหรับพรรคเพื่อไทย ยังไม่แน่ใจว่าถึงตอนนั้นพรรคเพื่อไทยจะยังอยู่หรือไม่ เพราะอาจจะมีสมาชิกย้ายไปร่วมพรรคอื่น หรือแยกไปจัดตั้งพรรคเป็นของตัวเอง
นอกจากนี้การประชุมผู้ร่วมจัดตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย มีผู้เข้าประชุม 339 คน ยังให้ความเห็นชอบชื่อ ชื่อย่อ เครื่องหมายพรรค นโยบายพรรค และอุดมการณ์ทางการเมือง 7 ข้อ ได้แก่
1. เทิดทูนและพิทักษ์ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์
2. ยึดมั่นระบบการเมืองที่เป็นประชาธิปไตยอันผสานกับหลักธรรมของศาสนาทั้งปวงเป็น ธรรมาธิปไตย
3. สร้างพรรคการเมืองที่ประชาชนเป็นเจ้าของพรรคอย่างแท้จริง
4. มุ่งมั่นปฏิรูปเปลี่ยนแปลงประเทศไปสู่ความดีงามในทุกด้าน
5. รักชาติ ภาคภูมิใจในความเป็นไทย
6. น้อมนําปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและศาสตร์พระราชาเป็นหลักชัยในการพัฒนา ประเทศ ยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน
7. มุ่งมั่นสงวนรักษาทรัพยากรธรรมชาติและคุณภาพสิ่งแวดล้อมให้ประเทศไทยมี สิ่งแวดล้อมที่ดี สมบูรณ์ สมดุล และยั่งยืน
หลังจากนี้จะนำรายชื่อคณะกรรมการบริหารพรรคยื่นจัดตั้งพรรคต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก่อนจะมีการประชุมสมัชชาใหญ่ เพื่อลงมติรับรองกรรมการบริหารพรรค และนโยบายพรรคต่อไป
ด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) เชื่อว่า พรรคจะได้เป็นรัฐบาล เนื่องจากเป็นพรรคของประชาชน และจะได้รับเสียงสนับสนุนจากประชาชนเป็นแสนๆ พรรคต่างๆ อยากเป็นเพื่อนเป็นพันธมิตรด้วย ขณะเดียวกันในการเลือกตั้งที่จะมาถึงนี้จะไม่มีพรรคใดได้รับเสียงข้างมากจนจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้ และถึงตอนนั้นจะมีพรรคการเมืองมาทาบทามอย่างแน่นอน
“ผมเชื่อมั่นว่าพรรคเราได้เป็นรัฐบาลอย่างแน่นอน ถ้าเป็นพรรคของประชาชน มีเสียงเป็นแสนๆ คน ใครก็อยากเป็นเพื่อนด้วย ผมเชื่อว่าจะไม่มีพรรคใดได้รับการเสียงข้างมากเป็นรัฐบาล และถึงตอนนั้นจะรอรับขันหมากได้เลย” นายสุเทพ กล่าว
อย่างไรก็ตาม นายสุเทพ ย้ำว่า ยังรักษาคำพูดที่เคยกล่าวไว้ คือ จะไม่รับตำแหน่งใดๆ ในพรรค ไม่เป็นหัวหน้า เลขาธิการ กรรมการ หรือไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ทั้งแบบแบ่งเขต และบัญชีรายชื่อ โดยจะเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่เข้ามาทำงานและเป็นพี่เลี้ยงสอนนักการเมืองรุ่นใหม่ อย่างไรก็ตามขอใช้สิทธิ์ในฐานะที่เป็นผู้ร่วมจัดตั้งพรรค ในฐานะเจ้าของพรรคคนหนึ่ง เพื่อขึ้นเวทีปราศรัยทุกเวที ภูมิใจที่ได้ทำหน้าที่ร่วมกับพี่น้องประชาชนที่มีอุดมการทั้งหลาย ซึ่งการทำพรรคการเมืองครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ส่วนตน แต่เป็นไปเพื่อประโยชน์ส่วนรวม เพื่อรับใช้ประเทศชาติ ประชาชนและแผ่นดิน
นอกจากนี้นายสุเทพ ชี้แจงว่า แกนนำพรรคจัดคาราวานและเวทีปราศรัยเคลื่อนที่ออกไปพบปะประชาชน เพื่อเชิญชวนคนที่มีอุดมการณ์เดียวกันมาร่วมเป็นเจ้าของพรรค ตั้งแต่วันที่ 3 มิถุนายน แต่ไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง เนื่องจากอาจขัดต่อคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 53/2560 จึงไม่สามารถเดินทางไปได้ครบ 77 จังหวัดภายใน 78 วันตามเป้าหมาย และสามารถจัดการประชุมสมัชชาใหญ่ของพรรคการเมืองได้ ซึ่งจะส่งผลต่อการจัดตั้งสาขาพรรค ที่ทำการพรรค และการทำไพรมารีโหวต ดังนั้นจึงต้องมีการประชุมเพื่อยื่นจดจัดตั้งพรรคการเมืองกับ กกต. ให้สมบูรณ์เสียก่อน