เบญจา แสงจันทร์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่เข้าจับกุมนักกิจกรรมทางการเมืองเเละผู้ชุมนุมในอาทิตย์ที่ผ่านมา อย่างไร้ซึ่งมนุษยธรรม เเละเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนนั้น และมีข้อสังเกตหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ในระหว่างจับกุมตำรวจไม่ให้สิทธิในการเข้าถึงทนาย ศาลออกหมายค้นได้ในยามวิกาล ศาลออกหมายจับคดี ม.112 แต่บุคคลที่เจ้าหน้าที่ตำรวจอ้างถึงในบันทึกจับกุมไม่อยู่ในความคุ้มครองของ ม. 112
อีกกรณี”เดฟ ชยพล” นศ.ธรรมศาสตร์ ที่เป็น 1 ในผู้ถูกออกหมายจับโดยมีชื่ออยู่ใน หมายค้น แต่มีหลักฐานว่าเขาไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ ต่อมา เดฟได้มาแสดงตัวต่อหน้าเจ้าพนักงาน แต่ผู้กำกับ สภ.คลองหลวง ยืนยันว่าไม่เคยมีการออกหมายจับ และในวันเดียวกัน พนง.สืบสวน ก็กลับไปยื่นคำร้องขอยกเลิกหมายจับ หลังจากนั้นศาลก็มีคำสั่งให้ยกเลิกหมายจับ
กรณีการจับกุมประชาชน ขณะทำกิจกรรมเขียนป้ายผ้า ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และเข้าจับกุมประชาชนที่ร่วมชุมนุมกดดันให้ตำรวจปล่อยตัวผู้ชุมนุม ท่ามกลางความชุลมุน และเจ้าหน้าที่เข้าจับกุมด้วยการกระทำที่เกินกว่าเหตุ หลังจากนั้นก็ได้นำตัวไปควบคุมไว้ที่ บก.ตชด.ภาค1 ท่ามกลางข้อกังขาว่า จนท.ตำรวจกำลังทำผิด กฎหมายหรือไม่ เนื่องจากตามป.วิอาญา ม.83 ต้องพาตัวผู้ถูกจับไปที่ทำการของพนง.สอบสวน
แต่กลับไม่แน่ชัดว่า จนท.ใช้อำนาจใดนำตัวไปควบคุมที่ ตชด.ภาค1 เมื่อประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรงถูกยกเลิกไปแล้ว ประกาศกำหนดสถานที่คุมตัวที่ตชด. ก็ได้เป็นอันสิ้นสุดไปด้วย อีกทั้งการเข้าถึงสิทธิในการพบทนายของผู้ต้องหาก็เป็นเรื่องยากลำบากมาก ซึ่งข้อสังเกตนึงของการจับกุม ที่อนุสาวรีย์ชัยฯและ สามย่านมิตรทาวน์ มาจากการที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ไฟเขียวให้ตำรวจให้ใช้กำลังจัดการผู้ชุมนุมได้หากจำเป็นโดยไม่ลังเล นำมาสู่การจับกุมประชาชนไปแล้วอย่างน้อย 6 ราย เบญจา กล่าว
การหายตัวไปของ “ทศเทพ” ภายหลังมาทราบถูกจับกุม คุมขังไว้ที่ สภ.บางแก้ว โดยไม่ได้แจ้งไปยังญาติ ไม่แน่ชัดว่าได้แจ้งสิทธิในการเข้าถึงทนายต่อเค้าหรือไม่ อีกทั้งยังควบคุมตัวเกิน 48 ชั่วโมง ซึ่งถือเป็นการเกินกว่าอำนาจของเจ้าหน้าที่ตำรวจ”
เบญจา ตั้งข้อสังเกตต่อไปว่า การที่ พล.ต.อ. สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจเเห่งชาติไฟเขียวเช่นนี้ นับเป็นเรื่องอันตรายอย่างมาก เป็นการเสี่ยงที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่เป็นผู้ถืออาวุธกำลังจะกลายเป็นกองกำลังที่ป่าเถื่อน สามารถใช้กำลังและอาวุธ ได้ตามใจชอบในการกำจัด และจัดการผู้ที่เห็นต่างทางการเมือง
และถ้าลองเปรียบเทียบการดำเนินการที่กระทำความรุนแรงต่อประชาชนต่อผู้ชุมนุม กับกรณี "บอสกระทิงแดง” หรือกรณี “บ่อนการพนัน” เรากลับไม่เห็นความขมีขมัน ความตั้งใจจริง และจริงใจในการจับกุมหรือปราบปราม อย่างเช่นการจับกุมผู้ชุมนุมที่เพียงแค่ใช้เสรีภาพในการแสดงออกเลย นี่จึงกลายเป็นการประจานความล้มเหลวของกระบวนการยุติธรรมและเป็นการเลือกปฏิบัติต่อเพื่อนมนุษย์ที่น่ารังเกียจอย่างมากอีกด้วย
ทั้งนี้ เบญจาเปิดเผยว่าพรรคก้าวไกล เตรียมตั้งกระทู้ถามสด ถึงการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ต่อนายกรัฐมนตรี ในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร พร้อมระบุว่าถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยควรมีพระราชบัญญัติ ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย ซึ่งพรรคก้าวไกลได้ยื่นร่าง พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าวต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎรไปแล้ว และพรรคก้าวไกลจะเฝ้าติดตามความคืบหน้ากฎหมายฉบับนี้อย่างใกล้ชิด และหวังว่าประธานสภาฯจะบรรจุวาระและเห็นความสำคัญของกฎหมายที่ปกป้องการละเมิดสิทธิมนุษยชน
อ่านเพิ่มเติม