ทั้งนี้ แม้ตัวเลขการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนในครั้งนี้ จะสูงเกินกว่าความคาดหมายของตลาด แต่ยังคงเป็นตัวเลขการเติบโตที่ต่ำกว่าเป้าหมายการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ 5% ของรัฐบาลจีนที่ประกาศในปี 2566 ซึ่งถูกกำหนดไว้ในการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติในเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา
ข้อมูลเศรษฐกิจอย่างเป็นทางการอื่นๆ ที่ได้รับการเผยแพร่เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (18 เม.ย.) ช่วยเสริมสัญญาณของแนวโน้มเศรษฐกิจที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยจีนยอดการค้าปลีกเพิ่มขึ้น 10.6% เมื่อเทียบเป็นรายปี ตามข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน ในขณะที่จีนยังมีผลผลิตจากบริการเสริมเพิ่มขึ้น 5.4%
ในอีกทางหนึ่ง ภาคการผลิตภาคอุตสาหกรรมจีนมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบเป็นรายปี แม้ว่าดัชนีผู้จัดการฝ่ายซื้อ (PMI) ซึ่งเป็นมาตรวัดแนวโน้มการผลิตของจีนจะลดลงเล็กน้อยเป็น 51.9 จาก 52.6 ในเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา โดยในการอ่านข้อมูล PMI ใดๆ ที่มีค่าสูงกว่า 50 นับว่าเป็นอัตราที่มีการขยายตัวขึ้น
อลิเซีย การ์เซีย เฮอร์เรโร หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของ Natixis กล่าวว่า รายงานตัวเลขการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนในครั้งนี้ นับเป็น “ข้อมูลที่ค่อนข้างดี” แต่ตัวเลขอย่างเป็นทางการอาจให้ภาพที่สดใสกว่าความเป็นจริงเล็กน้อย เนื่องจากเกณฑ์มาตรฐานนับจากเดือน มี.ค. 2565 ซึ่งเป็นช่วงที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วประเทศจีนหยุดชะงักลงจากการปิดเมืองอย่างเข้มงวด
ทั้งนี้ เศรษฐกิจจีนเติบโตเพียง 3% ในปีที่แล้ว ซึ่งเป็นอัตราที่ต่ำที่สุดเป็นอันดับ 2 นับตั้งแต่ปี 2519 ท่ามกลางมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่เข้มงวด ซึ่งรวมถึงการปิดพรมแดน การปูพรมตรวจหาเชื้อในประชาชนจำนวนมาก ตลอดจนการล็อกดาวน์เมืองนานหลายเดือนในเมืองใหญ่ต่างๆ อาทิ เมืองมหาอำนาจทางการเงินของจีนอย่างนครเซี่ยงไฮ้
การ์เซีย เฮอร์เรโร กล่าวว่าในขณะนี้ ทางการจีนกำลังพยายามขับเคลื่อนเศรษฐกิจตัวเองในช่วงการผ่านการฟื้นตัว โดยไม่ก่อให้เกิดอัตราเงินเฟ้อแบบที่เห็นในประเทศอื่นๆ ทั้งนี้ ดัชนีราคาผู้บริโภคของจีนปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียง 0.7% เมื่อเทียบเป็นรายปีในเดือน มี.ค. แม้ว่ายอดค้าปลีกจะดีดตัวกลับขึ้นก็ตาม
ก่อนหน้านี้ พรรคคอมมิวนิสต์จีนออกมาระบุว่า ทางการจีนจะให้ความสำคัญกับเสถียรภาพทางเศรษฐกิจเป็นอันดับแรกในปี 2566 โดยมุ่งเน้นเฉพาะการสร้างงาน เพื่อชดเชยการว่างงานของหนุ่มสาวในช่วงที่มีการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ทั้งนี้ พรรคคอมมิวนิสต์จีนกล่าวเมื่อต้นปีนี้ว่า รัฐบาลจีนมีแผนจะสร้างงาน 12 ล้านตำแหน่ง เพิ่มขึ้นจาก 11 ล้านตำแหน่งในปีนี้ พร้อมระบุว่าการบริโภคเป็นตัวขับเคลื่อนหลักในการเติบโตทางเศรษฐกิจ
ในช่วงปลายปี 2565 ที่ผ่านมา ในจีนเกิดความไม่พอใจของสาธารณชนต่อกลยุทธ์ "โควิดเป็นศูนย์" ของรัฐบาลจีน และผลกระทบต่อเศรษฐกิจจากการปิดเมืองและพรมแดนประเทศ ส่งผลให้เกิดกระแสการประท้วงครั้งมโหฬารทั่วเมืองใหญ่ของจีน ทั้งนี้ มีความเชื่อว่าการประท้วงของประชาชนจำนวนมากในจีน เป็นปัจจัยชี้ขาดในการตัดสินใจอย่างกะทันหันของรัฐบาลจีน ที่ได้ประกาศยกเลิกกลยุทธ์ควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่เข้มงวดในเดือน ธ.ค. หลังจากบังคับใช้มาตรการควบคุมเข้มงวดมาเกือบ 3 ปี
ที่มา: