วันที่ 19 มิ.ย. เวลา 11.30 น. ที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ บุ้ง-เนติพร นักกิจกรรมทะลุวัง ในฐานะผู้ปกครองของ 'หยก' เผยถึงการพูดคุยหารือครั้งแรกหลังมีประเด็นตัดสถานะนักเรียนของ หยก ซึ่งการพูดคุยครั้งนี้ มี 3 ฝ่าย ประกอบด้วย ตัวแทนสมาคมผู้ปกครอง 1 คน ตัวแทนจากพรรคก้าวไกล นำโดย วิโรจน์ ลักขณาอดิศร เบญจา แสงจันทร์ และ ปารมี ไวจงเจริญ หรือ ครูจวง ว่าที่ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อของพรรค พร้อมตัวบุ้งเอง แต่ยังไม่มีตัวแทนจากทางโรงเรียนร่วมหารือ
บุ้ง เผยว่า บรรยาการหารือคือการพยายามหาตรงกลางเพื่อหาทางออกร่วมกัน วัตถุประสงค์หลักคือให้ หยก สามารถเรียนต่อในสถานศึกษาเดิมได้ โดยรวมการหารือเป็นไปด้วยดี ซึ่งแม้จะยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนว่าจะเป็นอย่างไร แต่เบื้องต้นจะไม่ต้องให้ หยก ปีนรั้วเพื่อเข้าโรงเรียนอีก และยังไม่มีความชัดเจนว่าจะมีการพูดคุยครั้งที่ 2 หรือไม่ และเมื่อใด
ขณะที่ทางพรรคก้าวไกลยืนยัน กรณีโรงเรียนอ้างระเบียบว่าไม่มีผู้ปกครองแท้จริงมามอบตัว ไม่สามารถนำมาตัดสิทธิการเข้าเรียนของ หยก ได้ ขณะที่ตัวแทนของสมาคมผู้ปกครองเห็นด้วยกับหลักการนี้ แต่ยังไม่สามารถให้คำตอบอะไรได้ ขอนำกลับไปหารือภายในก่อน
บุ้ง ระบุว่า ทางออกสำหรับเรื่องนี้ ควรต้องเคารพสิทธิทางกฎหมายที่พึงได้รับ ไม่ควรนำการเลี่ยงบาลีทางกฎหมายมาเป็นเหตุให้หยกไม่ได้เรียนหนังสือ ทั้งนี้ หยก ยินดีหากจะถูกตัดคะแนน หรือรับการบำเพ็ญประโยชน์หนักแค่ไหนก็ได้ เพื่อแสดงความจำนงในการใส่ชุดไปรเวทและทำสีผม เป็นการแสดงทางสัญลักษณ์ของอำนาจนิยมในโรงเรียน
บุ้ง ยังมองว่า หยก ยังไม่ยอมรับเงื่อนไข หากโรงเรียนเสนอให้แต่งชุดนักเรียน หรือไว้ผมสีดำ ผู้บริหารโรงเรียนต้องชี้แจงถึงเหตุผลให้ชัดเจนว่าเพราะเหตุใด ส่วนกรณีการนำกำลังเจ้าหน้าตำรวจหญิงคุมฝูงชน (กองร้อยน้ำหวาน) มองว่าโรงเรียนทำเกินกว่าเหตุ แม้จะอ้างว่าได้แรงกดดันจากสมาคมผู้ปกครอง หรือจะอ้างว่าตนหรือ หยก จะทำอันตรายกับบุคคลอื่นๆ ในโรงเรียน ก็เป็นไปไม่ได้ เพราะเรามากันไม่เคยเกิน 3-4 คน เพื่อสังเกตการณ์ว่า หยก ปลอดภัยหรือไม่เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม บุ้ง ยอมรับว่า ยังไม่เห็นความคืบหน้าของสถานการณ์เท่าที่ควร เพราะสมาคมผู้ปกครองมีโอกาสเข้ามาพูดคุยตั้งแต่มีความปรากฏว่า หยก ถูกตัดสถานะนักเรียนแล้ว บุ้ง ยืนยันว่า หยก เป็นเพียงเด็กอายุ 15 ปี ความสูง 145 ซม. ไม่สามารถทำอันตรายใครได้ ส่วนที่ทางตำรวจระบุว่า เพื่อป้องกันการกระทบกระทั่งกันระหว่างสองฝ่าย แล้วเรียกกำลังตำรวจมา 4-5 คัน วันนี้ตนมากับ หยก แค่ 2 คน จึงมองว่า ก็ไม่ค่อยยุติธรรมกับ หยก เท่าไหร่ ที่จะต้องกระทำกันรุนแรงขนาดนี้
ขณะเดียวกัน มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ อดีต ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์ ได้เดินทางมาที่โรงเรียน เสนอตัวเป็นคนกลางเจรจา พร้อมอ้างว่า รู้จักกับอดีต ผอ.ของโรงเรียน แต่ยังไม่ได้มีการนัดหมายกับ ผอ.โรงเรียน คนปัจจุบัน ที่ตนมาครั้งนี้ มาในนามอดีตครูที่เคยช่วยเหลือนักเรียนเมื่อ 11 ปีก่อน
ส่วนตัว มงคลกิตติ์ อยากพูดคุยกับ หยก ให้ยอมกลับไปใส่เครื่องแบบนักเรียนตามระเบียบของโรงเรียน และมองว่าไม่ควรนำเรื่องคดีความมาปน ต้องทำความเข้าใจกับ หยก ว่าบริบทของสังคมตอนนี้เป็นอย่างไร และในฐานะที่เขาเป็นเด็กคนหนึ่ง ยังสามารถใช้ความเอื้ออาทรเข้าพูดคุยให้กลับเข้ามาสู่วัฒนธรรมปกติได้