ไม่พบผลการค้นหา
“จาตุรนต์” วิจารณ์ยับใช้ ม.44 แก้ พรบ.พรรคการเมืองขัดรัฐธรรมนูญเชื่อเป็นแผนสมคบคิด ดัน ‘ประยุทธ์’ นั่งนายกฯคนนอก

เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ แกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ใช้อำนาจมาตรา 44 แก้ไข พ.ร.บ.พรรคการเมืองว่า

1.คำสั่งนี้ไม่ใช่คำสั่งปลดล็อคพรรคการเมือง คำสั่งนี้อาจมีวัตุประสงค์อย่างหนึ่ง คือ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่พรรคการเมืองที่ตั้งใหม่ แต่วัตถุประสงค์หลักและผลที่จะตามมา คือ การทำลายพรรคการเมืองทั้งหลายให้อ่อนแอ การกำหนดให้สมาชิกพรรคยืนยันการเป็นสมาชิกพรรคพร้อมแสดงหลักฐานยืนยันคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามใน 30 วัน คือ การทำลายฐานสมาชิกพรรคให้เหลือน้อยที่สุดนั่นเอง นอกจากนี้ การเลื่อนการประชุมใหญ่เพื่อเลือกหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรค การประกาศอุดมการณ์ทางการเมืองและนโยบายพรรคการเมืองออกไปอย่างไม่มีกำหนด ย่อมเป็นอุปสรรคต่อการหาสมาชิกและที่สำคัญจะเป็นปัญหาต่อการจัดทำนโยบายที่จะเสนอในการเลือกตั้งให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน

2.คำสั่งนี้ จะทำให้เกิดความไม่แน่นอนว่าจะมีการเลือกตั้งตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ เนื่องจากความลักลั่นของกฎหมาย ที่อาจทำให้พรรคการเมืองต่างๆไม่มีคุณสมบัติที่จะส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งและถูกใช้เป็นข้ออ้างในการเลื่อนการเลือกตั้งออกไป

3.การออกคำสั่งนี้ ยืนยันว่าคสช.มีอำนาจเหนือรัฐธรรมนูญ ขัดเจตนารัฐธรรมนูญทั้งโดยกระบวนการออกคำสั่งและเนื้อหาของคำสั่ง กล่าวคือ การออก พ.ร.ป.มาใช้นั้น เมื่อสนช.พิจารณาให้ความเห็นชอบแล้ว ต้องให้ศาลรัฐธรรมนูญ องค์กรอิสระและกรธ.พิจารณาว่าเป็นไปตามเจตนาของรัฐธรรมนูญหรือไม่ ซึ่งพ.ร.บ.พรรคการเมืองได้ผ่านกระบวนการนี้มาแล้ว แต่กลับมาแก้โดยคำสั่งคสช.ตามอำเภอใจโดยไม่ได้ให้ศาลรัฐธรรมนูญ องค์กรอิสระหรือกรธ.ได้พิจารณาอีกเลย

นายจาตุรนต์ กล่าวว่า ในส่วนของเนื้อหาก็ขัดเจตนาของรัฐธรรมนูญอย่างชัดแจ้ง เนื่องจากรัฐธรรมนูญกำหนดให้ กกต.ซึ่งเป็นองค์กรอิสระดูแลให้พรรคการเมืองทำตามกฎหมาย และกกต.ต้องจัดให้มีการเลือกตั้งและให้เป็นไปตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด แต่คสช.กลับออกคำสั่งให้คสช.ใช้อำนาจเหล่านั้นแทน กกต.เสียเอง

4.การออกคำสั่งนี้ ทำให้เห็นเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่า การเลือกตั้งที่ไม่ทราบว่าจะมีขึ้นเมื่อใดนี้ เป็นการเลือกตั้งภายใต้การกำกับแทรกแซงโดย คสช.ตั้งแต่ต้นและไม่มีหลักประกันใดๆว่าคสช.จะไม่แทรกแซงมากกว่าที่ได้ทำไปแล้ว

5.การออกคำสั่งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของแผนสมคบคิดเพื่อให้คสช.ครองอำนาจต่อเนื่อง จะเห็นได้ว่า การเสนอรีเซ็ตสมาชิกพรรคการเมือง รีเซ็ตพรรคการเมือง การตั้งพรรคการเมืองใหม่ๆและการเสนอหรือสนับสนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯหลังการเลือกตั้ง ล้วนมาจากกลุ่มคนกลุ่มเดียวกันกับที่เคยสมคบกันเสนอให้ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง จนทำให้เกิดการรัฐประหารในเวลาต่อมา

ดังนั้น จึงน่าเชื่อได้ว่าคนกลุ่มเดียวกันนี้ กำลังสมคบคิดกันเพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปตามแผนการและจุดมุ่งหมายที่มีมาแต่ต้น คือ ให้ผู้มีอำนาจที่ไม่ได้มาจากประชาชนครองอำนาจให้นานที่สุด