ไม่พบผลการค้นหา
8 แกนนำพรรคเพื่อไทย เข้ารับทราบข้อกล่าวหาต่อพนักงานสอบสวนกองปราบฯ ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ไม่เข้าข่ายชุมนุมทางการเมือง ชี้ปิดปากนักการเมืองเพื่อปิดหูปิดตาประชาชน

8 แกนนำพรรคเพื่อไทย นำโดย พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ รักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย นายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย นายชัยเกษม นิติสิริ อดีต รมว.ยุติธรรม นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีต รมว.ศึกษาธิการ นายวัฒนา เมืองสุข อดีต รมว.พาณิชย์ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีต รมว.คลัง และนายนพดล ปัทมะ อดีต รมว.ต่างประเทศ เข้ารับทราบข้อกล่าวหา ต่อพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) กรณีแถลงข่าวในหัวข้อ "4ปี ที่ล้มเหลวของรัฐบาล และ คสช." โดยฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. ฉบับที่ 2/2557 ที่ห้ามมิให้พรรคการเมืองที่มีอยู่แล้วจัดการประชุม หรือดำเนินกิจการใดๆ ฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่3/2558 ข้อ12 ห้ามผู้ใดมั่วสุมหรือชุมนุมทางการเมือง ณ ที่ใดๆ ตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป ความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ที่มีการไลฟ์สดในเฟซบุ๊กพรรคเพื่อไทย และความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 ฐานยุยงปลุกปั่น

โดยระหว่างที่ 8 แกนนำพรรคเพื่อไทยเดินทางมายังกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) มี อดีต ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย และประชาชนร่วมรอรับให้กำลังใจพร้อมทั้งมอบดอกไม้ พร้อมทั้งส่งเสียงให้กำลังใจว่าพรรคเพื่อไทยสู้ๆ


พรรคเพื่อไทย 20180521_Sek_08.jpg

ทั้งนี้ นายชูศักดิ์ ยืนยันการแถลงข่าวของพรรคเพื่อไทยไม่ได้เป็นการชุมนุมทางการเมือง ตามที่มีการแจ้งข้อกล่าวหา ซึ่งการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเป็นสิทธิตามกฎหมายและรัฐธรรมนูญ ส่วนข้อกล่าวหาที่บอกว่าทำผิดตามมาตรา 116 จะต้องเป็นการกระทำที่นอกเหนือจากรัฐธรรมนูญ ทำเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงกฎหมายของบ้านเมือง โดยใช้กำลังของประชาชนลุกขึ้นมาต่อต้านต้าน ซึ่งข้อกล่าวหาที่แจ้งไว้ทั้ง 4 ข้อไม่มีการกระทำของแกนนำพรรคเข้าข่ายการกระทำความผิดแม้แต่ข้อเดียว จึงฝากพนักงานสอบสวนให้พิจารณาด้วยความยุติธรรม 

ด้านนายภูมิธรรม ระบุว่า ข้อกล่าวหาทั้ง 4 ข้อที่แจ้งความเอาผิดสะท้อนให้เห็นว่าฝ่ายความมั่นคงมีการใช้กฎหมายอย่างไม่ยุติธรรม อีกทั้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแกนนำทั้ง 5 คนที่เหลือไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรง มีเพียง 3 คนที่นั่งแถลงข่าว และก่อนการแถลงข่าวก็ได้มีการเจรจากับเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งได้รับคำตอบว่าสิ่งไหนทำได้ สิ่งไหนทำไม่ได้ แต่ตำรวจก็ไม่สามารถให้คำตอบที่ชัดเจนได้ ส่่วนข้อกล่าวหาที่่จะแจ้งจับเพื่อโยงไปถึงการยุบพรรคเพื่อไทยนั้น ตนได้ดูทุกเรื่องแล้วการแถลงก็ยังไม่มีข้อไหนเข้าข่ายความผิดจนนำไปสู่การยุบพรรคได้

ขณะที่นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า "นับเป็นอีกหนึ่งคดีที่ผมถูกเผด็จการชุดนี้ยัดข้อหาให้ แต่คดีนี้มีความทุเรศเป็นพิเศษเพราะเป็นข้อหาที่ได้มาจากการแถลงข่าวซึ่งเป็นเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ ที่สำคัญคือเป็นการทำหน้าที่ของนักการเมืองเพื่อสื่อสารให้ประชาชนทราบถึงผลงานของรัฐบาล อันถือเป็นการปิดปากนักการเมืองเพื่อปิดหูปิดตาประชาชน"

"นอกจากพวกผมจะถูกยัดข้อหาแล้ว ประชาชนผู้รักประชาธิปไตยทั้งหลายก็กำลังถูกไล่ล่าจากเหล่าเผด็จการเช่นกัน มีการออกคำสั่งให้ทั้งทหารและตำรวจไปคุกคามประชาชนที่จะมาร่วมกิจกรรมที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในเย็นวันนี้ เอาตัวเจ้าของรถเครื่องเสียงที่ทำธุรกิจให้เช่าไปควบคุมตัวในค่ายทหาร บุกค้นบ้านและคุกคามแม่ครัวที่จะทำอาหารให้ผู้ชุมนุมซึ่งกำลังป่วย อ้างการข่าวใส่ร้ายผู้ชุมนุมว่ามีการสะสมอาวุธเสมือนจะมีการก่อความรุนแรง แต่กับเหตุการณ์ระเบิดที่ภาคใต้ที่เป็นหน้าที่ต้องป้องกันกลับปล่อยให้เกิดขึ้นและไม่เคยทราบล่วงหน้า"

นายวัฒนา ระบุว่า "เผด็จการพวกนี้เก่งได้แต่เฉพาะกับเด็ก ผู้หญิงและประชาชนมือเปล่าไม่มีอาวุธเท่านั้น ครั้นพอเจอของจริงดังที่เกิดในภาคใต้กลับหัวหด จึงขอให้กำลังใจพี่น้องประชาชนผู้รักประชาธิปไตยทุกท่าน ออกอาการแบบนี้คงอีกไม่นาน มาช่วยกันนับถอยหลังให้กับเผด็จการกระจอกชุดนี้ด้วยกันครับ"

ต่อมา นายจาตุรนต์ ฉายแสง แกนนำพรรคเพื่อไทย ระบุภายหลังเข้ารับทราบข้อกล่าวหาต่อพนักงานสอบสวนกองปราบปราม ว่า แกนนำ 8 คนได้มารับทราบข้อกล่าวหากรณีที่ คสช.ได้แจ้งความดำเนินคดีชุมนุมเกิน 5 คน ฝ่าฝืนมาตรา 116 ของประมวลกฎหมายอาญา และความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ซึ่งการแจ้งข้อกล่าวหาของพนักงานสอบสวนเป็นการดำเนินการที่รวบรัด ไม่มีการสืบหาหรือวิเคราะห์หลักฐานอย่างเพียงพอ แต่ตั้งข้อกล่าวหาที่ร้ายแรงเกินจริง ในวันนี้แกนนำทั้งหมดให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ส่วนที่เหลือทุกคนจะทำเป็นลายลัษณ์อักษรให้การภายหลัง ส่วนจะมีการฟ้องร้องกลับหรือไม่นั้น ให้เป็นอีกขั้นตอนหึ่ง แต่สิ่งที่ตำรวจทำในวันนี้ล่อแหลมต่อการผิดกฎหมาย ขณะเดียวกัน การใช้มาตรา 116 ยังเป็นการใช้เกินกว่าความเป็นจริง และใช้เพื่อสกัดกั้นการใช้สิทธิและเสรีภาพของประชาชน ทำให้การแสดงความคิดเห็นหรือการวิพากษ์วิจารณ์ และการตั้งโต๊ะแถลงข่าวเป็นอาชญากรรม ซึ่งไม่มีประเทศประชาธิปไตยไหนในโลกที่ปล่อยให้บ้านเมืองเป็นไปในลักษณะนี้

ขณะที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ระบุว่า การขึ้นศาลจะแบ่งเป็น 2 กลุ่ม โดยกลุ่ม 5 คนแรกจะขึ้นศาลแขวง ส่วนกลุ่มที่ 2 จำนวน 3 คนจะขึ้นศาลอาญา 

ด้าน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่าถึงกรณี คสช.แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษพรรคเพื่อไทยที่จัดแถลงข่าว 4 ปี คสช.ว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องการเมืองชัดเจน การมีกฎหมายพิเศษแล้วมีการตีความกันไปเอง เพราะที่ผ่านมาทั้ง สนช. และ กกต.ก็มีการจัดงานในลักษณะเดียวกัน ดังนั้น จะใช้กฎหมายโดยไม่มีการผ่อนปรนให้ทางการเมืองตลอดเลยคงจะเป็นไปไม่ได้ ในทางกลับกันถ้าวันนั้นพรรคเพื่อไทย บอกว่า คสช.ทำงานมา 4 ปี ดีมากจะผิดหรือไม่ ส่วนตัวมองว่าการวิจารณ์ผู้มีอำนาจในทางลบ ไม่ควรเป็นเรื่องกระทบความมั่นคง ยกเว้นมีการปลุกปั่น หรือปลุกระดม ดังนั้น ถ้าวิพากษณ์วิจารณ์ในทางลบจะไปบอกว่าเขากระทบความมั่นคงไม่ได้ เรื่องความมั่นคงจึงต้องแยกเป็นส่วนหนึ่ง การชุมนุมเกิน 5 คนก็อีกส่วนหนึ่ง

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง