ไม่พบผลการค้นหา
'ชลน่าน' มั่นใจ 90% ยุบสภาฯ แน่ หลังฟังคำวินิจฉัย เหตุผู้มีอำนาจจะได้ประโยชน์ หวังลดความขัดแย้ง มอง 'ประยุทธ์' เป็นจำเลยสังคม หากไม่ยุบสังคมส่อไม่สงบ

วันที่ 30 ก.ย. 2565 นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ประเมินการยุบสภาฯ หลังรับฟังคำวินิจฉัยว่ามีความเป็นไปได้สูงที่จะยุบสภาฯ หลังการประชุมเอเปค เดิมทีตนคิดไว้ว่าเป็นไปได้สัก 80% แต่หลังฟังคำวินิจฉัยคาดว่าเพิ่มเป็น 90% แล้ว และคาดว่าจะมีการเลือกตั้งในช่วงเดือน ก.พ. ส่วนปัจจัยของการยุบสภาฯ มี 2 เรื่องหลัก ได้แก่ 

1) ผู้มีอำนาจมองว่ายุบสภาฯ แล้วตนจะได้ประโยชน์ จะสามารถสืบทอดอำนาจได้ในการเลือกตั้ง เพราะกลไกการเลือกตั้งทั้งหมดถูกวางไว้แล้ว เช่น การโยกย้าย ส.ส. การทำพื้นที่ การจัดระบบทุกอย่างพร้อมแล้ว ซึ่งหากปล่อยครบวาระ ส.ส.ต้องสังกัดพรรคภายใน 90 วัน แต่หากมีการยุบสภาฯ ส.ส.สามารถย้ายสังกัดพรรคภายใน 30 วัน และระยะเวลาในการเลือกตั้งต้องไม่น้อยกว่า 45 วัน และไม่มากกว่า 60 วัน มีเวลาหาเสียงมากกว่าหมดตามวาระ

2) ความเห็นต่างและข้อขัดแย้งทางการเมืองจะมากขึ้น เพราะขณะนี้ทุกคนเห็นแล้วหาก พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ต่อ สิ่งที่ทนทุกข์ทรมานจะไม่ได้รับการแก้ไข ลูกหลานอนาคตของประเทศไม่มีโอกาส ความขัดแย้งต่างๆ จะเกิดขึ้น โดยเฉพาะ คำวินิจฉัยที่ประชาชนเห็นว่าไม่เป็นไปตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญที่เขียนไว้ชัด 

"ทุกคนนับเลขเป็น รู้ได้สัมผัสได้ถึงข้อเท็จจริง แต่ศาลไปอาศัยช่องกฎหมายวินิจฉัยแบบนี้ก็เกิดความขัดแย้งเกิดขึ้น"

จำเลยของสังคมนอกจากจะมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สังคมก็ต้องมองไปที่ศาลรัฐธรรมนูญด้วย ซึ่งส่วนนี้เป็นข้อกังวล ทั้งหมดที่พูดมาจะทำให้เกิดความไม่สงบที่เกิดจากข้อเรียกร้องให้มีการยุบสภาฯ คืนอำนาจให้ประชาชน ทางที่ดีที่สุดต้องสนองความต้องการของประชาชน ด้วยการยุบสภาฯ ไม่น่าจะมายึดอำนาจได้ ยกเว้นสร้างสถานการณ์

"ดังนั้น กลไกที่นำไปสู่การยึดอำนาจ ประชาชนคงไม่ทำ ยกเว้นจะมีการสร้างสถานการณ์ ทำให้เหตุการณ์ต้องสมอ้าง ควรแก่การยึดอำนาจ นั่นจะทำให้ประเทศล้าหลัง สิ่งไม่ดีจะเกิดขึ้นกับประเทศชาติ หลายคนคงจะรับไม่ได้" นพ.ชลน่าน กล่าว