เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ 'พระราชกำหนด แก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 19) พ.ศ.2561' ลงวันที่ 13 พ.ค. 2561 ระบุว่า เพื่อให้สามารถจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจากเงินได้พึงประเมินที่ได้จากการถือหรือครอบครองโทเคนดิจิทัล หรือการโอนคริปโทเคอร์เรนซี หรือ โทเคนดิจิทัล ซึ่งการตราพระราชกำหนดนี้สอดคล้องกับเงื่อนไขที่บัญญัติไว้ในมาตรา 26 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแล้ว
โดยระบุในมาตรา 3 ให้เพิ่มข้อความดังนี้ ใน (4) มาตรา 40 แห่งประมวลรัษฎากร
(ช) เงินส่วนแบ่งของกำไร หรือผลประโยชน์อื่นใดในลักษณะเดียวกันที่ได้จากการถือหรือครอบครองโทเคนดิจิทัล
(ฌ) ผลประโยชน์ที่ได้รับจากการโอนคริปโทเคอร์เรนซีหรือโทเคนดิจิทัล ทั้งนี้ เฉพาะซึ่งตีราคาเป็นเงินได้เกินกว่าที่ลงทุน
มาตรา 4 ให้เพิ่มข้อความดังนี้ ของ (2) ในมาตรา 40 แห่งประมวลรัษฎากร
(ฉ) ในกรณีเงินได้พึงประเมินมาตรา 40 (4) (ช) และ (ฌ) ให้คำนวณหักในอัตราร้อยละ 15 ของเงินได้
โดยในหมายเหตุของกฎหมายฉบับนี้ ระบุว่า เหตุผลในการประกาศใช้ พ.ร.ก. เนื่องจากปัจจุบันได้มีการถือ หรือครอบครองโทเคนดิจิทัล หรือ การซื้อขายหรือแลกเปลี่ยนคริปโทเคอร์เรนซี หรือ โทเคนดิจิทัล ซึ่งเงินได้จากกรณีดังกล่าวเป็นเงินได้พึงประเมินที่ต้องนำมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษี แต่โดยที่ยังไม่มีบทบัญญัติแห่งกฎหมายเพื่อการจัดเก็บภาษีเงินได้จากคริปโทเคอร์เรนซี หรือโทเคนดิจิทัลเป็นการเฉพาะ เป็นเหตุให้รัฐไม่สามารถจัดเก็บภาษีได้ครบถ้วน
ทั้งนี้ พระราชกำหนดฉบับนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา หรือตั้งแต่วันที่ 14 พ.ค. 2561 เป็นต้นไป
นอกจากนี้ ในวันที่ 13 พ.ค. ที่ผ่านมา ยังมีการเผยแพร่ประกาศราชกิจจานุเบกษาเรื่อง 'พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561' ด้วย
ข่าวเกี่ยวข้อง :