ไม่พบผลการค้นหา
'สุทิน' เข้ากองบัญชาการกองทัพไทย ทหารตั้งแถวกองเกียรติยศต้อนรับ 'รมว.กลาโหมพลเรือนคนแรก' ที่ไม่ใช่นายกรัฐมนตรี

วันที่ 11 ต.ค. 66) เวลา 09:30 น. สุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมคณะ อาทิ พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม, พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางมาตรวจเยี่ยมที่กองบัญชาการกองทัพไทย โดยมี พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และคณะผู้บริหารสูงสุดของกองบัญชาการกองทัพไทย มาให้การต้อนรับ

โดยทันทีที่เดินทางมาถึง สุทินได้ตรวจแถวกองทหารเกียรติยศผสม 3 เหล่าทัพ จำนวน 3 หมวด 1 กองร้อย ก่อนจะเข้าร่วมประชุมเพื่อรับฟังบรรยายสรุปการปฎิบัติงานที่สำคัญของกองบัญชาการกองทัพไทย และมอบนโยบายในการปฎิบัติ

ภายหลังการร่วมประชุมกับคณะผู้บริหารของกองบัญชาการกองทัพไทย เมื่อเวลา 11.30 น. สุทิน ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน เปิดเผยว่า วันนี้มาตรวจเยี่ยมกองทัพไทย โดยเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่รัฐมนตรี ต้องเข้ามาตรวจเยี่ยมเหล่าทัพ ก่อนที่จะมาตรวจเยี่ยมตามหน่วยต่างๆ ซึ่งการมาตรวจเยี่ยมก็ได้สัมผัสถึงความพร้อมความเข้มแข็งของกองทัพไทย ว่าจากการบรรยายและการสังเกตต่างๆ ก็มีความเข้มแข็งในด้านศักยภาพที่ทำให้เราเชื่อมั่นว่ากองทัพไทยซึ่งเป็นองค์กรหลัก และประสานกับทุกเหล่าทัพ จะสามารถปกป้องอธิปไตยของประเทศ ปกป้องราชบัลลังก์ และเป็นที่พึ่งของประชาชน รวมถึงสนับสนุนกิจการและกิจกรรมของเอกชน ในทางเศรษฐกิจของตามนโยบายของรัฐบาลได้

ซึ่งจากการแลกเปลี่ยนกันกองทัพไทยและกองทัพต่างๆได้ขับเคลื่อนนโยบายตามที่รัฐบาลและรัฐมนตรีมอบให้อย่างน่าภูมิใจ ทั้งเรื่องระบบทหารเกณฑ์ ปรับลดกำลังพล และการนำที่ดินของทหารมาใช้ซึ่งดำเนินการไปไกลมากแล้ว วันนี้ก็สบายใจและมีความเชื่อมั่นต่อกองทัพ

เมื่อถามว่ามอบนโยบายใดเป็นพิเศษหรือไม่นั้น รมว.กลาโหม ตอบว่า เรื่องช่วยเหลือประชาชนทั้งท่วมและแล้ง รวมถึงการประสบภัยพิบัติในต่างประเทศอย่างอิสราเอล กองทัพต้องทุ่มเทอย่างเต็มที่สุด เรื่องของการปราบทุจริต และทำให้กองทัพเป็นองค์กรที่โปร่งใส ตรงนี้ก็เน้นย้ำ รวมถึงเรื่องนโยบาย การเป็นที่พึ่งของประชาชน การใช้ที่ดินและทรัพยากรของ กองทัพมาฟื้นฟูเศรษฐกิจตรงนี้ก็เป็นเรื่องที่เราเน้นย้ำ

ส่วนการรับมือกับภาวะสงครามทั้งภายในประเทศและนอกประเทศนั้น ที่จริงแล้วไม่ถือว่าสงครามเป็นภัยคุกคามใหม่ เชื่อมั่นว่ากองทัพจะมีความสามารถ และความเชี่ยวชาญในการรับมืออยู่แล้ว

ขณะที่เรื่องงบประมาณประจำปีของกองทัพนั้น จะยึดตามแนวทางเดิมที่เคยได้ทำมาโดยจะจัดซื้ออาวุธเท่าที่จำเป็น ใช้งบประมาณให้มีความคุ้มค่า โปร่งใสตรวจสอบได้ และจะพยายามอย่างเต็มที่ในการเป็นตัวแทนชี้แจงงบประมาณของกองทัพ เพื่อให้ถูกตัดงบประมาณน้อยที่สุด อย่างไรก็ตามต้องพิจารณาตามเหตุผลและความจำเป็นของสภาและกรรมาธิการด้วย ซึ่งคนภายนอกบางส่วนอาจจะมีทั้งเข้าใจและไม่เข้าใจ แต่ในฐานะที่เป็นตัวแทนของกองทัพนั้ย ยืนยันว่าจะชี้แจงอย่างเต็มที่

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกล่าวเพิ่มเติมถึงการพิจารณาตัดงบประมาณของกองทัพว่า ได้ดำเนินการไปแล้วพอสมควร แต่ก็มีบางส่วนที่เป็นงบผูกพัน และส่วนใดที่ดำเนินการไม่ทันจะโยกไปดำเนินการในปีงบประมาณ 2568 ต่อไป