ไม่พบผลการค้นหา
"พิชัย นริพทะพันธุ์" แนะหน่วยงานราชการ และองค์กรอิสระ เช่น กกต. กลับมาทำงานให้ประชาชน เพื่อสร้างความมั่นใจจากต่างประเทศ

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า อยากขอเตือนให้หน่วยงานราชการ และ องค์กรอิสระได้ปรับตัวรองรับประเทศที่เข้าสู่โหมดประชาธิปไตยแล้วหลังจากมีการเลือกตั้ง อย่าพยายามรับใช้เผด็จการอีกและต้องเลิกความคิดจะเป็นเผด็จการด้วย การที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. จัดการเลือกตั้งแล้วเกิดปัญหาและความคลางแคลงใจมากมายในหมู่ประชาชนส่วนใหญ่ แต่กลับไปฟ้องร้องคนวิพากษ์วิจารณ์ กกต. ทำตัวเองเหมือนเป็น คสช. ที่คนแตะต้องไม่ได้ สิ่งนี้ไม่น่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง หาก กกต. ทำงานได้ดีไม่มีข้อผิดพลาดจำนวนมากเหมือนที่เป็นอยู่ คนวิพากษ์วิจารณ์คงไม่มีใครเชื่อ

ดังนั้นอยากให้ กกต. ปรับความคิดเลิกอิงแนวคิดเผด็จการ ยอมรับการวิพากษ์วิจารณ์และหาทางปรับปรุงแก้ไข สร้างความโปร่งใสเพื่อดึงความเชื่อมั่นกลับมา เพราะขณะนี้ความน่าเชื่อถือของ กกต. แทบจะไม่เหลือแล้ว และยังเที่ยวฟ้องร้องคนอื่นอีกก็ยิ่งจะเสื่อมมากขึ้น 

นอกจากนี้ หน่วยงานราชการต้องปรับความคิดเลิกรับใช้เผด็จการและเลิกคิดแบบเผด็จการได้แล้ว การที่กระทรวงต่างประเทศออกมาแถลงว่านายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เชิญทูตานุทูตจากประเทศต่างๆ ไปสังเกตการณ์ที่สถานีตำรวจเอง ไม่ทราบจะแถลงทำไมในเมื่อทูตจากประเทศต่างๆ เป็นห่วงระบบยุติธรรมของไทยและต้องการไปสังเกตการณ์ ไม่ว่าใครเชิญหรือไม่เชิญไม่เห็นต่างกัน กระทรวงต่างประเทศน่าจะสะท้อนความจริงว่าการที่ทูตจากประเทศต่างๆ ไปสถานีตำรวจแสดงว่าพวกเขากังวลและไม่เชื่อมั่นระบบยุติธรรมของไทยใช่หรือไม่และชี้แจงให้รัฐบาลและ คสช. เร่งแก้ไขภาพพจน์ดังกล่าว

นายพิชัย กล่าวว่า การที่กระทรวงพาณิชย์ยังคงยืนยันว่าการส่งออกปีนี้จะโต ร้อยละ 8 เพื่อสร้างเครดิตรัฐบาลและคสช. ซึ่งแทบเป็นไปไม่ได้เลย เพราะการส่งออกติดลบติดต่อกันมา 4 เดือนแล้ว การแถลงข่าวของกระทรวงพาณิชย์ที่แจ้งว่าการส่งออกเดือน ก.พ. ขยายตัวร้อยละ 5.9 แทนที่จะบอกความจริงว่าการส่งออกติดลบ ร้อยละ 4.9 แต่เพราะไปรวมการส่งคืนอาวุธยุทโธปกรณ์ของการฝึกคอบร้าโกลด์ด้วยจึงทำให้กลายเป็นบวก แต่ประเทศไม่ได้รับรายได้จริง ควรจะต้องเลิกทำได้แล้ว และที่สำคัญที่สุดกองทัพควรต้องวางตัวเป็นกลางไม่ใช่ออกมาสนับสนุนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง สร้างความสับสนให้ต่างประเทศ คิดว่าหากไม่ได้รัฐบาลตามที่กองทัพคาดไว้อาจจะเกิดการปฏิวัติได้ เรื่องเหล่านี้จะบั่นทอนความน่าเชื่อถือของประเทศไทยต่อเนื่องไปอีก หลังจากที่ย่ำแย่กันมากว่า 5 ปีแล้ว จึงอยากเรียกร้องให้มีการปรับความคิด และ การปฏิบัติให้เข้าสู่ระบอบประชาธิปไตยเพื่อให้ประเทศไทยเดินหน้าต่อได้โดยไม่สะดุดอีก