ไม่พบผลการค้นหา
'พิชัย ทริพทะพันธุ์' เข้าพบอัยการสูงสุด หลังถูก คสช. แจ้งความดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ นำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ ด้าน 'จาตุรนต์' ซัดหวังปิดกั้น ใช้กฎหมายโดยความไม่ชอบธรรม

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน พร้อมด้วย นายจาตุรณค์ ฉายแสง อดีตประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคไทยรักษาชาติ และ สมาชิกกลุ่มก้าวต่อไปเพื่อประชาธิปไตย เข้าพบพนักงานอัยการสูงสุดตามหมายนัดของพนักงานสอบสอนกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ในความความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ด้วยข้อมูลอันเป็นเท็จ

นายพิชัย เปิดเผยว่า การถูกดำเนินคดีดังกล่าวอาจเป็นการกลั่นแกล้งจากผู้มีอำนาจ เนื่องจากก่อนหน้านี้ตัวเองเคยถูกผู้มีอำนาจจาก คสช. ชักชวนให้เข้าร่วมพรรคพลังประชารัฐ แต่ได้ปฏิเสธไป จึงอาจทำให้ผู้มีอำนาจไม่พอใจ จึงใช้วิธีทางกฎหมายมาดำเนินคดีกับตัวเองและพวก อีกทั้งคดีดังกล่าวก็ไม่มีมูลความผิดแต่อย่างใด จึงทำให้แปลกใจกับคดีที่เกิดขึ้นอาจเป็นการกลั่นแกล้งก่อนจะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้น

ขณะเดียวกัน ยังมั่นใจว่า คดีดังกล่าวตัวเองและพวกจะได้รับความเป็นธรรม และ ไม่กังวลจะคดีที่เกิดขึ้นจะมีการพิจารณาอย่างรวดเร็ว เหมือนกับรดีของนักการเมืองพรรคอื่น ๆ ที่ถูกดำเนินคดีในลักษณะคล้ายกัน เพราะการแสดงความคิดเห็นด้านเศรษฐกิจของตัวเองนั้น เป็นการวิเคราะห์จากตัวเลขที่เกิดขึ้นจริง ฉะนั้นรัฐบาล คสช. ควรจะรับฟังแนวทางการแก้ปัญหาด้านเศรษฐกิจที่ตัวเองนำเสนอ เพราะสามารถแก้ปัญหาได้จริง รวมถึงไม่กังวลว่า คดีดังกล่าวจะกระทบต่อการทำงานของกลุ่มก้าวต่อไปเพื่อประชาธิปไตย

ด้าน นายจาตุรณค์ เปิดเผยว่า การถูกดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เป็นสิ่งไม่ชอบธรรม เนื่องจากเป็นคดีที่ไม่มีหลักฐานข้อเท็จจริงรองรับ ซึ่งตามกฎหมายแล้ว ความผิดดังกล่าวจะต้องสร้างความตื่นตระหนก หรือ กระทบต่อความมั่นคงฯ แต่การนำเสนอข้อมูลด้านเศรษฐกิจของ นายพิชัย นั้น ไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชน และ ยังไม่กระทบต่อความมั่นคง แต่คดีที่เกิดขึ้นอาจมีความคิดเห็นไม่ตรงกับ คสช. ทำให้ถูกดำเนินคดีดังกล่าว เพื่อหวังปิดกั้นการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวแสดงถึงการเอาเปรียบพรรคการเมืองอื่น เพียงหวังให้พรรคที่อยู่ในการดูแลของ คสช. ได้เข้ามาเป็นผู้บริหารประเทศ

อย่างไรก็ตาม สำหรับคดีดังกล่าวทางอัยการได้นัดจำเลยเข้าพบอีกครั้งในวันที่ 11 เมษายนนี้ ส่วนจะมีการสรุปคดีในนัดหน้าหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของคณะกรรมการพิจารณาคดีทั้ง 5 คน ซึ่งเป็นคณะะกรรมการชุดเดียวกับคดีของ นายธนาธร จึงรุ่งเรื่องกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่

'พิชัย' ข้องใจโดนคดี หลังปัดร่วมก๊วนหนุน 'ประยุทธ์' หรือไม่

ทั้งนี้นายพิชัย กล่าวเพื่มเติมว่า หากจำกันได้ คสช. มีความพยายามกดดันไม่ให้ตนวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลและคสช. โดยเฉพาะทางด้านเศรษฐกิจที่ประชาชนเดือดร้อนกันมาก มากว่า 10 หน ทั้งเรียกปรับทัศนคติและเรียกดำเนินคดี ซึ่งตนก็ได้ให้เหตุผลตามความเป็นจริง และเห็นว่าประชาชนควรรับรู้ และรัฐบาลควรจะต้องปรับปรุงแก้ไข ซึ่งหากเชื่อตนแต่แรกเศรษฐกิจก็จะไม่ย่ำแย่เท่านี้ โดยเมื่อปลายปี 2560 หลังจากที่ถูกเรียกครั้งที่ 8 ได้มีการติดต่อเพื่อชักชวนตนเพื่อให้เข้าร่วมพรรคที่จะสนับสนุนพลเอกประยุทธ์ เป็นนายก 

ขณะนั้นยังไม่ได้ตั้งชื่อ ซึ่งตนได้ปฏิเสธไปเพราะเห็นว่าพรรคแบบนี้ไม่น่าจะประสพความสำเร็จได้ ซึ่งโดยมารยาทตนก็ไม่ได้เปิดเผย แต่ที่ตนต้องเปิดเผย เพราะหลังจากปฏิเสธไม่นาน ตนก็ถูก บก. ปอท. เรียกกล่าวหาคดี ทฤษฏีกบต้ม ซึ่งปรากฏว่ามีทฤษฏีนี้อยู่จริง จึงไม่ได้ดำเนินคดี จนมาดำเนินคดีในเรื่องรูปนิตยสารไทม์ และ รูปการดูด สส. นี้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพยายามใช้อำนาจเพื่อปิดกั้นไม่ให้ตนแสดงความคิดเห็น

ดังนั้นจึงอยากเรียกร้องให้ประชาชนออกเสียงลงคะแนนเพื่อหยุดการสืบทอดอำนาจ เพื่อหยุดการใช้อำนาจอย่างไม่ชอบธรรม หากประชาชนเห็นด้วยกับการใช้อำนาจปิดกั้นการแสดงความเห็นก็เลือกพรรคที่สนับสนุนพลเอกประยุทธ์ แต่ถ้าไม่เห็นด้วยก็ต้องลงคะแนนเลือกพรรคฝั่งประชาธิปไตย ประเทศไทยจะได้เข้าสู่ภาวะปกติ และ พัฒนาต่อไปได้จากการฟังความเห็นของทุกฝ่าย