ไม่พบผลการค้นหา
ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ขอให้ประชาชนที่สนับสนุนพรรคอนาคตใหม่สบายใจ ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคไม่ได้ตาม ม.49 พร้อมตั้งคำถามเหตุใดคนเชื่อว่าพรรคจะถูกยุบ

นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ยืนยันว่า กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องของนายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ที่ยื่นคำร้อง ขอให้ศาลวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 ไว้วินิจฉัย ศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจที่จะวินิจฉัยนำไปสู่การยุบพรรคอนาคตใหม่ได้เพราะตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 ศาลรัฐธรรมนูญทำได้เพียงการสั่งให้พรรคอนาคตใหม่ยุติการกระทำดังกล่าว

ขอให้ประชาชนทุกคนที่สนับสนุนพรรคอนาคตใหม่วางใจได้ว่าศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจที่จะยุบพรรคอนาคตใหม่จากคำร้องนี้ได้


นายธนาธร กล่าวต่อว่า สิ่งที่ต้องชี้แจงให้ประชาชนรับทราบ คือเมื่อเกิดกรณีคำร้องนี้ขึ้น ประชาชนจำนวนมากเข้าใจว่าคำร้องนี้นำไปสู่การยุบพรรคอนาคตใหม่ได้ แสดงว่าประชาชนไม่มั่นใจในกระบวนการยุติธรรมของประเทศ จึงขอตั้งคำถามว่าเหตุใดประชาชนจำนวนมากจึงคิดเช่นนี้ และศาลยุติธรรมต่างๆ มีความยุติธรรมจริงหรือไม่

อย่างไรก็ตาม หากศาลรัฐธรรมนูญพิจารณานอกเหนือจากที่ระบุไว้ในมาตรา 49 เท่ากับว่าศาลได้พิจารณาเกินเลยขอบเขตอำนาจของศาลเอง ซึ่งส่วนตัวในขณะนี้ยังไม่เห็นคำร้องดังกล่าว

ส่วนความคืบหน้าคดีการถือครองหุ้นสื่อนั้น ยังคงต้องรอคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ แม้ปัจจุบันนี้จะยังมีสถานะการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอยู่ แต่ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ จึงต้องรอคำสั่งศาล แต่ส่วนตัวยืนยันว่ามีความบริสุทธิ์ในคดีนี้

นายธนาธร กล่าวย้ำว่า หัวใจปัญหาของประเทศคือเรื่องของอำนาจ โดยพรรคอนาคตใหม่เชื่อว่าอำนาจเป็นของประชาชน รัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่ได้ให้อำนาจกับประชาชน แต่ให้อำนาจกับการสืบทอดอำนาจของ คสช. กลไกการสืบทอดอำนาจของ คสช.ถูกสร้างขึ้นภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับนี้

ซึ่งพรรคอนาคตใหม่เชื่อว่าประเทศไทยยังมีศักยภาพสูง มีบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ มีคนที่อยากเห็นประเทศพัฒนาไปข้างหน้า เพียงแต่การดำรงอยู่ของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ได้กดทับศักยภาพของประเทศไทยไม่ให้ไปไกลกว่านี้ จึงถึงเวลาแล้วที่จะขอเชิญชวนให้ประชาชนทุกคนร่วมกันผลักดันให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อสร้างสังคมใหม่ หากทำได้จะเป็นของขวัญที่ดีที่สุดที่คนรุ่นปัจจุบันส่งให้คนรุ่นต่อไป

ส่วนคำแนะนำตอนหนึ่งในเวทีเสวนาทางออกประเทศชาติ โดย 7 พรรคฝ่ายค้านเพื่อประชาชน ครั้งที่ 1 ที่บอกให้ประชาชนไปรวมตัวกันที่สภาผู้แทนราษฎรเมื่อเกิดการรัฐประหารนั้น ไม่ใช่การปลุกม็อบ แต่เป็นการส่งสัญญาณว่าพรรคอนาคตใหม่และพรรคฝ่ายค้านพร้อมต่อสู้กับการทำรัฐประหารหากเกิดขึ้นในอนาคต


ข่าวที่เกี่ยวข้อง :