นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ได้ออกประกาศกำหนดให้รถยนต์ใช้แล้วเป็นสินค้าที่ต้องห้ามหรือต้องขออนุญาตในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร ซึ่งจะมีผลบังคับใช้วันที่ 10 ธันวาคม 2562 เป็นต้นไป โดยกำหนดให้รถยนต์นั่งที่ใช้แล้วเพื่อใช้เฉพาะตัวเป็นสินค้าต้องห้ามนำเข้า เพื่อป้องกันปัญหามลพิษต่อสิ่งแวดล้อม และความปลอดภัยบนท้องถนน รวมถึงแก้ไขปัญหาการหลบเลี่ยงมาตรการควบคุม และปรับลดขั้นตอนการทำงานเพื่ออำนวยความสะดวกประชาชนตามนโยบายรัฐบาล ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ได้จัดประชุมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2558 สำหรับรถยนต์ประเภทอื่นกรมฯ จะถ่ายโอนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำกับดูแล ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ยังคงกำกับดูแลรถยนต์ลักษณะพิเศษเพื่อใช้ในกิจการของตนเอง (รถเครน) และรถยนต์ที่ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และองค์การสาธารณกุศลได้รับบริจาค (รถพยาบาล และรถดับเพลิง)
นายอดุลย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้ที่ประสงค์จะนำเข้ารถยนต์ใช้แล้วตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภท 87.01 (ยกเว้นรถหัวลาก) ประเภท 87.02 ประเภท 87.03 (ยกเว้นรถพยาบาล) ประเภท 87.04 และรถยนต์โบราณตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภท 97.06 ภายใต้ประกาศและระเบียบฉบับเดิม ต้องนำเข้าภายในวันที่ 9 ธันวาคม 2562 สำหรับขั้นตอนการขออนุญาตนำเข้า หากผู้นำเข้าแสดงหลักฐานและเอกสารประกอบคำขอได้ครบถ้วนสมบูรณ์ กรมฯ จะใช้เวลาในการพิจารณาอนุญาตไม่เกิน 25 วัน โดยจะต้องได้รับใบอนุญาตก่อนนำสินค้าเข้ามาในราชอาณาจักร และใบอนุญาตนำเข้าจะมีอายุไม่เกินวันที่ 9 ธันวาคม 2562 เท่านั้น หากฝ่าฝืนนำเข้าสินค้าต้องห้ามจะมีความผิดตามพระราชบัญญัติการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้า พ.ศ. 2522 และกรมศุลกากรจะดำเนินการทำลายสินค้าต้องห้ามดังกล่าว
สำหรับรถยนต์ใช้แล้วที่ได้รับอนุญาตให้นำเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวหรือนำเข้ามาเพื่อปรับสภาพแล้วส่งออกก่อนวันที่ประกาศกระทรวงฯ ปี 2562 จะใช้บังคับ ต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดจนกว่าจะพ้นภาระและความรับผิดชอบตามกฎหมาย
ทั้งนี้ รถยนต์ใช้แล้วเป็นสินค้าที่อยู่ภายใต้มาตรการควบคุมการนำเข้าของกระทรวงพาณิชย์ ตั้งแต่ พ.ศ. 2496 โดยต้องขออนุญาตนำเข้า ครอบคลุมรถยนต์ที่ใช้แล้วตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทที่ 87.01 87.02 87.03 87.04 และ 87.05 ประกอบด้วยรถยนต์ใช้แล้ว 9 ประเภท ได้แก่
(1) รถยนต์นั่งที่ใช้แล้วเพื่อใช้เฉพาะตัว
(2) รถลักษณะพิเศษที่ใช้แล้วเพื่อใช้ในกิจการของตน
(3) รถยนต์ที่ใช้แล้วทุกชนิดที่ได้รับการยกเว้นหรือชดเชยภาษี
(4) รถยนต์ที่ใช้แล้วทุกชนิดโดยส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และองค์การสาธารณกุศล (5) รถยนต์ที่ใช้แล้วทุกชนิดเป็นการชั่วคราว
(6) รถยนต์ที่ใช้แล้วทุกชนิดเพื่อเป็นต้นแบบในการผลิตหรือทางการศึกษาวิจัย
(7) รถยนต์ที่ใช้แล้วทุกชนิดเพื่อปรับสภาพแล้วส่งออก (8) รถยนต์ที่ใช้แล้วทุกชนิดเพื่อจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์
และ (9) รถยนต์ที่ใช้แล้วทุกชนิดโดยใช้ประโยชน์สุทธินำกลับ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :