พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้กล่าวถ้อยแถลงในการประชุมองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILC) สมัยที่ 107 ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส โดยกล่าวว่า ประเทศไทยมีความมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศ และได้บูรณาการความเท่าเทียมทางเพศเข้าไปในทุกด้านของการพัฒนาประเทศอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านนโยบาย มาตรการ และกลไกต่าง ๆ ได้ถูกนำมาใช้เพื่อส่งเสริมการพัฒนาสตรีและความเท่าเทียม รวมทั้งการพิทักษ์สิทธิสตรี ภายใต้หลักของการไม่เลือกปฏิบัติ ซึ่งรวมถึงความเท่าเทียมระหว่างเพศหญิงและชายได้บรรจุไว้ในรัฐธรรมนูญของไทยและแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560-2564) ซึ่งได้มุ่งเน้นการพัฒนาที่คนเป็นศูนย์กลาง มีความครอบคลุม และลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม พระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. 2558
และยุทธศาสตร์การพัฒนาสตรี (พ.ศ. 2560-2564) เป็นอีกก้าวสำคัญในการส่งเสริมสถานะสตรี ปกป้องสิทธิแรงงานและความเสมอภาค นโยบายระดับชาติ "ประเทศไทย 4.0" ที่จะปรับโครงสร้างประเทศให้เป็นสังคมที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมและไม่ทิ้งใครไว้เบื้องหลังเพื่อก้าวสู่การเป็นประเทศที่มีรายได้สูง ช่วยขยายโอกาสให้สตรีมีส่วนร่วมที่เท่าเทียมมากยิ่งขึ้นในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ
พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าวว่า ประเทศไทยได้เข้าเป็นภาคีในข้อตกลงระหว่างประเทศเกี่ยวกับการส่งเสริมให้อำนาจและความเสมอภาคแก่สตรี โดยเฉพาะการให้สัตยาบันอนุสัญญา ฉบับที่ 111 ในปีที่ผ่านมา ซึ่งยืนยันถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาสตรีและการหลอมรวมสตรีเข้าสู่กระบวนการพัฒนาประเทศอย่างเสมอภาคกัน ซึ่งที่ผ่านมาสถานะทางเศรษฐกิจและสังคมของสตรีไทยมีการปรับตัวดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จำนวนสตรีที่ดำรงตำแหน่งผู้บริหารในหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น นโยบายของสถานที่ทำงานมีการปรับเปลี่ยนอย่างรวดเร็วเพื่อรองรับและเพิ่มความสามารถของสตรีให้มีส่วนร่วมที่ชัดเจนมากขึ้นในกำลังแรงงาน
“ผู้หญิงในที่ทำงานเป็นประเด็นท้าทายหนึ่งของประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มแรงงานนอกระบบและแรงงานข้ามชาติหญิง แต่อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่ารัฐบาลไทยมีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะทำงานต่อเนื่องอย่างใกล้ชิดกับ ILO และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ทั้งในระดับประเทศและระดับนานาชาติเพื่อส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศ งานที่มีคุณค่า และการปูทางสู่อนาคตที่เป็นประโยชน์สำหรับทุกคนต่อไป” พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าว