ไม่พบผลการค้นหา
พล.ต.อ.อดุลย์ ยืนยันท่าทีของรัฐบาลในการออกกฎหมายอนุสัญญาฉบับที่ 188 เป็นไปด้วยความชอบธรรมทุกขั้นตอน แก้ไขปัญหาผู้ประกอบการในการใช้แรงงานประมงได้อย่างยั่งยืน ไม่กระทบประมงพื้นบ้าน

พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึงกรณีการคัดค้านของกลุ่มชาวประมงใน 22 จังหวัดชายทะเลที่ไม่ต้องการให้รัฐบาลรับรองอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ ฉบับที่ 188 ว่าด้วยการทำงานในภาคการประมง พ.ศ.2550 ว่า จากการประเมินสถานการณ์ได้ให้กระทรวงแรงงานตั้งกองอำนวยการร่วมขึ้นมาเป็นการเฉพาะ โดยมอบหมายให้รองปลัดกระทรวงแรงงานที่รับผิดชอบบูรณาการกับทุกฝ่ายทั้งฝ่ายกฎหมาย ตำรวจ และฝ่ายปกครอง เพื่อประเมินสถานการณ์สร้างการรับรู้

พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าวถึงท่าทีของรัฐบาลต่ออนุสัญญาฉบับดังกล่าวว่า กฎหมายฉบับนี้รัฐบาลได้ดำเนินการออกกฎหมายโดยผ่านขั้นตอนต่าง ๆ ด้วยความชอบธรรม ที่ผ่านมาได้มีการเปิดรับฟังความคิดเห็นทางเว็บไซต์กระทรวงแรงงาน เว็บไซต์กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และเว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา มีผู้ดาวน์โหลดเอกสาร 253 ครั้ง แสดงความคิดเห็น 5 คน การประชุมรับฟังความเห็นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย อาทิ หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน นายจ้าง ลูกจ้าง องค์กรระหว่างประเทศ องค์กรพัฒนาเอกชน และประชาชนทั่วไป จำนวน 6 ครั้ง 

นอกจากนั้น ยังได้สั่งการให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานทั้ง 22 จังหวัดชายทะเลไปสร้างการรับรู้ในประเด็นดังกล่าวให้กับผู้ประกอบการและแรงงานประมงได้รับทราบและเข้าใจ รวมทั้งการเชิญผู้แทนสมาคมประมงในพื้นที่จังหวัดชายทะเลมาพูดคุยหารือที่กระทรวงแรงงานอีกด้วย ซึ่งกฎหมายฉบับนี้ถือว่าเป็นกฎหมายที่เป็นประโยชน์กับประชาชนอย่างแท้จริง สามารถแก้ไขปัญหาของผู้ประกอบการในการใช้แรงงานประมงได้อย่างยั่งยืน ที่สำคัญจะเป็นประโยชน์กับตัวแรงงานเองมากที่สุด รวมทั้งสามารถแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ด้านแรงงาน การใช้แรงงานบังคับและแรงงานผิดกฎหมาย โดยไม่มีผลกระทบต่อประมงพื้นบ้านแต่อย่างใด 

ทั้งนี้ พล.ต.อ.อดุลย์ ยังกล่าวถึงการประชุมเพื่อสรุปผลการรับฟังประชาพิจารณ์ที่เกี่ยวกับอนุสัญญาฉบับที่ 188 ซึ่งได้นัดประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาในวันที่ 26 ธ.ค. นี้ ที่กระทรวงแรงงาน ว่า หากมีกลุ่มผู้ชุมนุมมากดดันคัดค้านในวันดังกล่าวอีกจะยกเลิกการประชุมในวันดังกล่าวทันที เนื่องจากรัฐบาลไม่ต้องการดำเนินการใดๆ ภายใต้แรงกดดันจากฝูงชน ส่วนการดำเนินการกับกลุ่มผู้ชุมนุมนั้นทั้งหมดให้ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป