ดร.กณิตา อุ่ยถาวร หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการนิติวิทยาศาสตร์สัตว์ป่า ของกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช โพสต์ภาพและข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัวขณะส่งมอบผลตรวจดีเอ็นเอซากสัตว์ป่าในคดีล่าสัตว์ทุ่งใหญ่ฯ ให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อส่งต่อให้กับอัยการภาค 7 ที่ทองผาภูมิ โดยเป็นรายงานผลดีเอ็นเอที่เสร็จสมบูรณ์แล้ว 100 เปอร์เซ็นต์

นอกจากนี้ ดร.กณิตา ยังบอกอีกว่า คดีนี้จะเป็นบรรทัดฐานให้สังคมเห็นว่าสัตว์ป่าที่ตายไปแล้ว สามารถเรียกร้องความยุติธรรมให้กับตนเองได้ และเขาสามารถหาที่ยืนให้กับตนเองในโลกใบนี้ได้เท่าเทียมกับมนุษย์เช่นกัน และยังทำให้ประชาชนเห็นว่ากรมอุทยานฯ มีความจริงจังที่จะสร้างมาตรฐานในงานด้านนิติวิทยาศาสตร์สัตว์ป่าเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาอาชญากรรมสัตว์ป่าของชาติมากเพียงใด

ทั้งนี้ ความคืบหน้าของคดีล่าสัตว์ทุ่งใหญ่ฯ ของนายเปรมชัย กรรณสูต และพวกรวม 4 คน เมื่อวันที่ 20 มี.ค. ที่ผ่านมา สำนักงานอัยการสูงสุด มีความเห็นตรงกันว่าให้มีการสอบสวนเพิ่มเติมในบางประเด็นเพื่อให้เกิดความสมบูรณ์และคลายความสงสัย ซึ่งทางสำนักงานอัยการกำชับให้ส่งผลการสอบสวนเพิ่มเติมภายในวันที่ 26 มี.ค. 2561 นี้

วันเดียวกัน นายนพดล พฤกษะวัน อดีตข้าราชการกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า และพันธุ์พืช เดินทางเข้าให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับพนักงานสอบสวนกองบังคับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ บก.ปปป. ตามหมายเรียก เพื่อให้ข้อมูลในคดีที่นายเปรมชัย ถูกกล่าวหาว่าร่วมกันติดสินบนเจ้าพนักงาน

เจ้าตัวระบุเพียงว่า ไม่ทราบว่าพนักงานสอบสวนเรียกมาทำไม แต่ยืนยันว่าไม่มีความผิด 

ด้าน พล.ต.ต. กมล เหรียญราชา ผู้บังคับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ เปิดเผยว่า วันนี้ (23 มี.ค.) ได้เชิญตัวนายนพดลมาให้ปากคำในฐานะพยานเพื่อนำข้อมูลมาประกอบสำนวน โดยจะสอบถามเกี่ยวกับพฤติการณ์ตั้งแต่ที่นายนพดลประสานให้นายเปรมชัยและพวกเข้าพื้นที่ จนถึงตอนที่นายเปรมชัยและพวกถูกจับกุม จนมีการแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันติดสินบนเจ้าพนักงาน เนื่องจากการสอบนายวิเชียร ชิณวงศ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ฝั่งตะวันตก ระบุว่า ขณะจับกุมคณะของนายเปรมชัย ได้กล่าวถึงนายนพดลว่าจะให้เจรจา