นพ.ทศพร เสรีรักษ์ สมาชิกพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายอนุรักษ์ เจนตวนิชย์ หรือ ฟอร์ดเส้นทางสีแดง เดินทางมายังสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อนำเสนอสูตรคำนวณ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ หรือ ปาร์ตี้ลิสต์ ซึ่งเป็นสูตรการคำนวณตามรัฐธรรมนูญมาตรา 91 และตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ในมาตรา 128

นพ.ทศพร กล่าวว่า จนถึงวันนี้ กกต. ยังไม่แสดงความชัดเจนเกี่ยวกับสูตรการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อว่าจะคำนวณอย่างไร แต่พูดเป็นนัยว่าจะมีพรรคการเมืองขนาดเล็กอีก 11 พรรคที่จะได้ที่นั่งสอบด้วย ซึ่งแสดงถึงความไม่รู้หลักคณิตศาสตร์ที่ถูกต้อง และเป็นการคิดคำนวณที่ผิด ทั้งนี้จากการศึกษาโดยละเอียดและทำตารางการคำนวณยืนยันได้ว่ามีเพียง 14 พรรคการเมืองเท่านั้นที่จะได้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ 

การเดินทางมายัง กกต. วันนี้จึงต้องการยื่นนำเสนอสูตรการคำนวณ และต้องการสอนคณิตศาสตร์ให้กับกกต. ซึ่งจะเป็นการคำนวณที่ไม่ขัดทั้งรัฐธรรมนูญและกฎหมายลูก พร้อมกันนี้ขอท้า กกต.หากแน่จริง ต้องเปิดเผยสูตรการคำนวณที่ให้พรรคขนาดเล็ก 11 พรรคได้ที่นั่งส.ส. เพราะตามรัฐธรรมนูญบัญญัติไว้อย่างชัดเจนว่าต้องจัดสรร ส.ส.บัญชีรายชื่อให้กับพรรคการเมืองต้องไม่เกินจำนวนที่พึงมี การจัดสรรเก้าอี้ให้ 11 พรรคการเมืองขนาดเล็กจึงขัดต่อรัฐธรรมนูญ

อนาคตใหม่ ร้องกกต. เลือกตั้งนครปฐม เขต 1 ใหม่

นายรณวิต หล่อเลิศสุนทร รองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ พร้อมด้วย น.ส.สาวิกา ลิมปะสุวัณณะ ผู้สมัคร ส.ส.นครปฐม เขต 1 พรรคอนาคตใหม่ ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อ กกต. เพื่อขอให้ตรวจสอบการเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งที่ 1 จังหวัดนครปฐม พร้อมทวงถามความคืบหน้าการขอข้อมูลการเลือกตั้ง และการเปิดเผยผลคะแนนเลือกตั้งรายหน่วยจาก กกต.

นายรณชิต กล่าวว่า พรรคอนาคตใหม่ต้องการให้ กกต. รวมคะแนนและนับคะแนนในเขตเลือกตั้งที่ 1 ใหม่ทั้งหมด เพราะมีความผิดพลาดเกิดขึ้น อาจทำให้ผลการเลือกตั้งไม่ถูกต้อง ซึ่งมีผลต่อการแพ้ชนะของผู้สมัคร ส.ส.ในเขตเลือกตั้งดังกล่าว โดยจากการตรวจสอบและรวบรวมคะแนนใหม่ พบว่าผู้สมัครของพรรคอนาคตใหม่เป็นผู้ที่มีคะแนนมากกว่าผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ที่ กกต. ประกาศว่าได้อันดับที่ 1 

น.ส.สาวิกา กล่าวว่า จากความผิดปกติของการนับคะแนน โดยเฉพาะการหยุดนับคะแนนของ กกต. เมื่อคืนวันที่ 24 มี.ค. 2562 ต้องการให้ กกต. ตรวจสอบและนับคะแนนใหม่ทั้งหมด เนื่องจากยังเกิดความสับสนของผลคะแนน โดยหลังจากรวบรวมคะแนนเลือกตั้งใหม่แล้ว มีคะแนนเพิ่มขึ้นอีก 151 คะแนน ทำให้มีคะแนนนำผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ที่ กกต.ประกาศให้เป็นผู้ชนะ 

โดยก่อนการรวบรวมคะแนนใหม่นั้นผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์มีคะแนนนำอยู่ที่ 147 คะแนน ซึ่งเมื่อพรรคอนาคตใหม่ตรวจสอบและรวบรวมคะแนนใหม่ กลับมีคะแนนนำผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ ทำให้มีคะแนนทิ้งห่างกันเพียง 4 คะแนน จึงต้องการให้ กกต.รวบรวมและนับคะแนนในเขตเลือกตั้งนี้ใหม่ทั้งหมด