นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวตอนหนึ่งในหัวข้อ ‘ทำอย่างไรให้ได้เป็น ส.ส.?’ ระหว่างปฐมนิเทศ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ว่า ตนอยู่อีก 7 วันจะครบเทอมปี 2544 เป็นผู้นำฝ่ายค้านฯ 3 สมัย ตนมาจากการเลือกตั้งเป็น ส.ส.ที่ไม่เคยสอบตก ประชาชนเลือกมา เขาไม่ยอมขายเสียงเขาเลือกเรา มีทางเดียวตอบแทนด้วยความซื่อตรง
“รัฐธรรมนูญฉบับนี้เราไม่รับ เขาบอกว่าปราบโกง แต่โกงมากขึ้น ทั้งหมดอยู่ที่พฤติกรรมปราบโกง ผมไปพบรองประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ส่วนตัว สิ่งที่ได้บอกวิกฤตบ้านเมืองสู่การยึดอำนาจไม่เกี่ยวกับบ้าน เป็นมาจากบุคคลไม่ยึดหลักนิติธรรม สิ่งที่ขอร้องผู้ร่างรัฐธรรมนูญ ไม่มีประเทศไหนให้คนลงคะแนนเลือกตั้งเวลา 08.00-15.00 น. ขอให้ขยายไปถึงค่ำแต่ได้เพียง 16.00 น. โดยผู้ร่างอ้างว่า กกต.ไม่สะดวกไม่คิดถึงประชาชน” นายชวน ระบุ
นายชวน ระบุว่า ทำไมถึงไม่มีชื่อตนเองอยู่ในบัญชีนายกรัฐมนตรี อยากชี้แจงว่า นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหน้าพรรคเสนอในที่ประชุมกรรมการสรรหาแต่ถอนตัว เพราะเราสนับสนุนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ มาตั้งแต่ต้นต้องสนับสนุนต่อไป หนุนนายอภิสิทธิ์เป็นนายกรัฐมนตรี จะใช้เวลาที่มีอยู่ไปช่วยพวกเราในภาคใต้อาจมีอาการหน่อย เมื่อตัดสินใจอย่างนี้ต้องทำให้ดีที่สุด
“เราจะไปร่วมกับใคร คำถามเราจะเอาใครมาร่วม การมาร่วมได้ต้องมีคะแนนพอ ในภาคใต้พรรคจะเก็บทุกคะแนน ในรัฐธรรมนูญครั้งนี้สมัครหลายพรรค ในจ.ตรัง มีบางพรรคบอกว่าเขาให้เงิน 5แสน จะหาเสียง 1แสน อีก 4 แสนจะเก็บไว้ใช้ หลายพรรคอาจทำอย่างนี้เพื่อให้ได้ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ คงจะมีตัวแทนหลายพรรคเข้ามาในสภา คาดเดาได้ว่าจะเลือกใคร” นายชวน ระบุ
ขณะที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ บรรยายหัวข้อ “พรรคประชาธิปัตย์กับอนาคตประเทศไทย” ว่า เลือกตั้งครั้งนี้เหลือบัตร 1 ใบ เราต้องพยายามเอาพรรคเสริมคน เอาคนเสริมพรรค เอาผู้สมัครเสริมหัวหน้าพรรค ยิ่งแยกตัวไปยิ่งไม่มีประโยชน์ ดึงจุดแข็งให้คนตัดสินใจง่าย อีกทั้งระบบเลือกตั้งในปัจจุบันจำนวน ส.ส.ที่ได้จะส่งผลต่อการเป็นรัฐบาลขึ้นอยู่ผลรวมคะแนนทั้งประเทศ ทุกคนจะรวมกันคิดเป็นสัดส่วนได้ ส.ส.ตามสัดส่วน ทุกคะแนนจึงมีความหมาย แม้ ส.ส.ไม่ได้จะมีผลต่อการได้ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ทุกคะแนนจะชี้ขาดอนาคตประเทศ การสื่อสารยังจำเป็นกับประชาชน
นายอภิสิทธิ์ ระบุว่า เลือกตั้งพรรคประชาธิปัตย์ต้องชัดเจน เพราะพรรคจะเป็นแกนนำรัฐบาลต้องเป็นหลักให้กับบ้านเมือง 1.ในแง่ของพัฒนาการการเมือง 2.จุดยืนทางการเมืองของพรรค และ 3.นโยบายพรรค ทั้งนี้พรรคเป็นพรรคการเมืองมาตรฐานสากล คนรุ่นใหม่เริ่มมองหาว่าเมื่อไรประเทศไทยมีพรรคการเมืองสากล เราเป็นพรรคการเมืองอุดมการณ์ชัดเจน พรรคบางพรรคอวดอ้างประชาธิปไตยแต่ไม่รู้เป็นสากลหรือไม่ พรรคเราเท่านั้นพิสูจน์แล้วเป็นของประชาชน พรรคประชาธิปัตย์เกิดก่อนผม
นายอภิสิทธิ์ ระบุว่า ตนเองเป็นหัวหน้าพรรค 14 ปีไม่มีใครเรียกพรรคของนายอภิสิทธิ์ พรรคใหม่เรียกชื่อเจ้าของพรรค ตนมานั่งตรงนี้มีกระบวนการประชาธิปไตยในพรรค บางพรรคแตกลูกหลานกล้าพูดได้หรือไม่ว่าไม่ใช่พวกกัน มี 2-3 พรรคอ้างแล้วจะรวมหัวกัน แตกพรรคเพื่อหวังกำไรเล็กน้อยจากคะแนนเสียงที่ไม่ได้ในเขตตามระบบใหม่ เหมือนเอารัดเอาเปรียบมีงบฯหาเสียงมากกว่า ทำไมพรรคประชาธิปัตย์ไม่ทำ รู้ว่าเสียเปรียบ แต่เราจะไม่เอารัดเอาเปรียบไม่เล่นกลเพื่อหวังได้ที่นั่งเพิ่มขึ้น เราไม่มีตัวช่วยจากเสียง ส.ว. ถ้ารวบรวมเสียงข้างมากได้ ส.ว.ไม่ควรมาแทรกแซงควรเคารพเจตนารมณ์ของประชาชน นักการเมืองที่สร้างความเสียหายที่สุดคือนักการเมืองสมัครเล่น ไม่ใช่นักการเมืองอาชีพ
สำหรับจุดยืนทางการเมือง ที่วนเวียนล้มลุกคลุกคลาน น่าเสียดายที่เราไม่ช่วยกันอธิบายถอดบทเรียนที่ถูกต้อง มีนักศึกษาถามตนว่าเลือกตั้งแล้วถ้าแพ้จะออกมาประท้วงหรือไม่ ตอนปี 2554 ตนยอมรับการตัดสินใจของประชาชน แต่อย่าคิดเอาอำนาจไปนิรโทษกรรมการทุจริต เพราะการเลือกตั้งปี 2554 มีการนิรโทษกรรมหรือไม่ แต่คนหาเสียงบอกไม่นิรโทษกรรม
พรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยก่อหวอดประท้วงช่วงน้ำท่วม แต่จุดที่เกิดความขัดแย้งคือการใช้อำนาจทางไม่ชอบก็คือ กฎหมายนิรโทษกรรม ตอนปี2549 และปี 2557 เป็นเรื่องของคนแพ้ไปประท้วงรึเปล่า แต่เกิดจากประชาชน เราจึงต้องย้ำให้ชัด อย่าเลือกคนที่ประชาชนมอบให้แล้วสร้างปัญหาสร้างวิกฤต
ส่วนจะมีทฤษฎีสมคบคิดการปฏิวัติหรือไม่นั้น ถ้าไม่ออกกฎหมายนิรโทษกรรมจะไม่เกิดการปฏิวัติ การปฏิวัติเกิดขึ้นไม่ได้ถ้าไม่เกิดการทุจริต ประชาชนชุมนุมส่วนใหญ่ไม่ได้มองรัฐประหารแต่ออกไปต่อสู้เพื่อบ้านเมือง ถ้าประชาชนเลือกเราไปเป็นแกนนำตั้งรัฐบาลเราจะไม่ไปทำเรื่องเหล่านี้
“ท่านนายกฯ ประยุทธ์ บอกไม่ต้องมาเรียกร้องลาออกอะไร โดยบอกว่าปี54 พรรคประชาธิปัตย์แพ้เลือกตั้งแล้วไม่มีผลงานเอง ผมแปลกใจพาดพิงทำไม ท่านจะออกไม่ออก จะไม่มีสปิริต แต่ท่านไม่มีสิทธิโกหกบิดเบือนให้ประชาชนเข้าใจผิด รัฐธรรมนูญนี้ ไม่มีรัฐธรรมนูญฉบับไหนให้อำนาจหัวหน้า คสช. มีอำนาจในช่วงรัฐบาลรักษาการ ปี 54 ผมไม่มีสิทธิไปปลด กกต.แน่นอน ส่วนแพ้เลือกตั้งผมยอมรับการตัดสินใจของประชาชน ปี 54 ผมไม่ได้เอาเปรียบ แต่พฤติกรรมท่านล่วงมาหลายเดือนคิดจะเอาเปรียบหรือไม่” นายอภิสิทธิ์ ระบุ
ส่วนวาทกรรมรัฐธรรมนูญปราบโกงนั้น พิสูจน์แล้วว่าไม่ใช่ เพราะดัชนีทุจริตที่แย่ลง ตนย้ำว่าพรรคประชาธิปัตย์มีนายกฯแล้ว 4 คนไม่มีคนไหนมีมลทินเรื่องทุจริตคอร์รัปชัน