น.ส.นภาพร เพ็ชร์จินดา ส.ส. บัญชีรายชื่อ และรองเลขาธิการพรรคเสรีรวมไทย กล่าวถึงมาตรการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิดของรัฐบาล ที่ตั้งงบประมาณไว้เพียง 3 เดือนว่า หากแจกเงินครบ 3 เดือนแล้ว แต่ยังมีกลุ่มคนอีกหลายอาชีพไม่สามารถกลับมาประกอบกิจการได้ตามปกติ รัฐบาลจะช่วยเหลือเยียวยาอย่างไร

โดยเฉพาะกลุ่มนวดแผนไทย สถานบันเทิงหรือกิจการด้านบริการ ที่ได้รับผลกระทบตั้งแต่การล็อกดาวน์ของผู้ว่าฯ กทม. เมื่อวันที่ 22 มีนาคม ถูกสั่งปิดก่อนใครๆ และมีแนวโน้มว่าอาจจะยังไม่ได้รับการผ่อนปรนให้สามารถประกอบกิจการได้เหมือนเดิมในระยะเวลาอันใกล้ เนื่องจากเป็นกลุ่มธุรกิจที่รัฐอ้างว่า มีความเสี่ยงสูงในการแพร่กระจายของเชื้อโรค ขณะเดียวกันรัฐบาลตั้งงบประมาณด้านเยียวยาไว้เพียง 3 เดือนเท่านั้น จึงทำให้กลุ่มคนเหล่านี้เกิดความกังวลว่า เมื่อถึงเวลานั้น พวกเขาจะเอารายได้ที่ไหนมาจับจ่ายใช้สอยในชีวิตประจำวัน

“อย่างกลุ่มอาชีพนวดแผนไทย ที่ไปเรียกร้องให้รัฐบาลผ่อนปรนเมื่อวานนี้ เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นว่า รัฐบาลไม่ได้เข้าใจในกิจการแต่ละประเภทอย่างแท้จริง เพราะในขณะที่อาชีพอื่นๆ ที่มีลักษณะใกล้เคียงกัน สามารถเปิดให้บริการได้ แต่อาชีพนวดเพื่อสุขภาพ กลับมีข้อยกเว้น ทั้งที่พวกเขาสามารถมีมาตรการป้องกันตัวเองจากการแพร่ระบาดได้ แต่รัฐบาลกลับไม่ยอมเชื่อใจกลุ่มอาชีพนี้ แต่ไปเชื่อใจกลุ่มอาชีพอื่น ทั้งที่มีลักษณะงานเหมือนกัน” น.ส.นภาพร กล่าว

น.ส.นภาพร กล่าวต่อว่า การเยียวยาผ่านไป 2 เดือน แต่กลับยังมีคนตกหล่นอีกหลายล้านคน ซึ่งรัฐบาลผลักภาระไปให้ประชาชน ด้วยการให้ไปร้องเรียนหรือตรวจสอบสิทธิ์ที่ธนาคารของรัฐ ซึ่งไม่ได้มีหน้าที่ที่จะมาคอยพิสูจน์สิทธิใคร จึงไม่แน่ใจว่า ถ้าชาวบ้านกลุ่มตกสำรวจไปที่ธนาคารแล้ว จะได้คำตอบที่ชัดเจนกลับมาหรือไม่ หรือต้องกลับมาเรียกร้องที่กระทรวงการคลังเหมือนเดิม

ยิ่งมาเจอมาตรการเปิดเมืองแบบกระท่อนกระแท่น หลายธุรกิจยังไม่สามารถประกอบอาชีพได้ ทั้งที่ 50 จังหวัด ปลอดโควิดไปแล้ว 1 เดือนเต็ม แต่กลับไม่สามารถเปิดกิจการได้ตามปกติเพราะใช้กฎเกณฑ์เดียวกับจังหวัดที่ติดเชื้อเป็นจำนวนมาก สิ่งเหล่านี้รัฐบาลควรจะทบทวนหรือไม่ เพราะหากครบ 3 เดือนแล้ว ยังมีคนอีกจำนวนหนึ่งยังไม่สามารถประกอบอาชีพได้ รัฐจะมีเงินเยียวยาช่วยเหลืออีกหรือไม่ ถ้าไม่มีจะให้พวกเขาดำรงชีวิตต่อไปอย่างไร

นอกจากนี้ ยังมีคนว่างงานและตกงานอีกเป็นจำนวนมากเกือบ 10 ล้านคน ซึ่งเกิดจากมาตรการล๊อกดาวน์และปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำ รัฐบาลจะมีนโยบายหรือมาตรการใดในการช่วยเหลือให้พวกเขาได้กลับมามีงานทำเหมือนเดิม หากรัฐบาลยังไม่ยอมเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน รวมทั้งไม่ผ่อนปรนให้พวกเขากลับมาประกอบอาชีพได้ตามปกติภายใต้มาตรการสาธารณสุขที่เข้มแข็ง

อ่านเพิ่มเติม

• 'หมอชลน่าน' จี้รัฐบาลเยียวยา 'แรงงานธุรกิจบันเทิง' ตกงานกว่า 1 ล้านคน
• 'ธุรกิจบันเทิง' สะท้อน 'ก้าวไกล' แบกภาระไม่ไหว หวั่นยืด พ.ร.ก. เสี่ยงกิจการเจ๊ง