พันตำรวจเอกจรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.กล่าวถึงกรณีการรับเงินบริจาคของพรรคการเมืองว่า ต้องเป็นไปตามประกาศ คสช.ที่ 57/2557  เรื่องให้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ หรือ พ.ร.ป.บางฉบับมีผลใช้บังคับต่อไป  ซึ่งมีการห้ามมิให้พรรคการเมืองที่มีอยู่แล้วดำเนินการประชุม หรือดำเนินกิจการใด ๆ ในทางการเมือง แม้จะมีการคลายล็อกตามคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 53/2560  และ 13/2561 เรื่อง การดำเนินการตามกฎหมาย ว่าด้วยพรรคการเมืองแต่ประกาศ คสช.ที่ 57/2557 ก็ยังมีผลอยู่  

ดังนั้น การดำเนินการอย่างอื่นที่นอกเหนือจากการคลายล็อก 6 ข้อ จะต้องมีการขออนุญาตจาก คสช. รวมถึงการประชุมของกรรมการบริหารพรรคเพื่อเลิกกิจการพรรค ที่ไม่ได้อยู่ในการคลายล็อคทั้ง 6 ข้อ แต่มีพรรคขออนุญาตเพื่อดำเนินการเลิกกิจการของพรรค และการรับเงินบริจาคหรือระดมทุนก็ต้องขออนุญาตในลักษณะเดียวกัน ซึ่งไม่ได้ห้ามเพียงแต่ต้องขออนุญาต อย่างไรก็ตามหลังจากนี้ กกต.จะมีการออกหนังสือเวียนแจ้งให้พรรคการเมืองต่างๆ เพื่อย้ำให้ทราบอีกครั้งว่า หากพรรคจะดำเนินกิจการทางการเมือง นอกเหนือจากการคลายล็อคทั้ง 6 ข้อ จะต้องขออนุญาต คสช.ก่อน

สำหรับกรณีที่ทางพรรคอนาคตใหม่ มองว่า กกต.เป็นเครื่องมือของ คสช.ในการยุบพรรคนั้น พลตำรวจเอกจรุงวิทย์ กล่าวว่า กกต.เป็นเครื่องมือของกฎหมาย หากกฎหมายให้ทำอย่างไรก็ทำอย่างนั้น และในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง ก็ไม่อยากให้พรรคการเมืองทำอะไรที่ผิดกฎหมายอยู่แล้ว จึงขอให้ทุกพรรคการเมืองอดทน  เพราะเท่าที่ทราบ คสช.กำลังพิจารณาเรื่องการปลดล๊อก โดยส่วนตัวอยากให้พรรคการเมืองเหลืออยู่ทุกพรรค ไปจนถึงการเลือกตั้ง เพราะถือเป็นสีสันประชาธิปไตย  

โดย กกต.จะไม่ออกหนังสือคำสั่งห้ามรับบริจาคหรือระดมทุนอย่างเป็นทางการตามที่พรรคอนาคตใหม่เสนอแนะเชิงท้าทายมา เพราะจะมีหนังสือเวียนชี้แจงอยู่แล้ว หากทางพรรคอนาคตใหม่ยังมีข้อสงสัย ให้ถามมาที่ กกต.ได้