นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ออกแถลงการณ์ ระบุว่า ตามที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ออกมาแถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อ 18 ก.ย. 2561 ที่ผ่านมาว่า ก่อนการประชุมพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ได้ให้ทุกกระทรวง โดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทุกส่วนราชการต้องให้ความรู้กับประชาชน "เนื่องจากขณะนี้มีข่าวในลักษณะทำนองเชิญชวนประชาชนไปเลือกตั้งในรูปแบบแปลกๆ เช่น ไปทำให้บัตรเสียโดยวิธีที่แนบเนียนให้มากที่สุด หรือแม้แต่การกาบัตรในสิ่งที่ไม่เลือกใครเลย" นั้น
การแพร่หรือไขข่าวดังกล่าว เป็นการสร้างความสับสนให้เกิดบรรยากาศที่ไม่ดีต่อกระบวนการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย หากปล่อยเลยตามเลยไปอาจจะเป็นช่องทางที่ทำให้มีการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งและกฎหมายรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 49 ได้
ดังนั้น เพื่อความกระจ่างและระงับปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะต้องเร่งรีบเรียกหรือเชิญนายกรัฐมนตรีให้มาชี้แจงต่อ กกต. โดยใช้อำนาจตามมาตรา 22 วรรคสอง ประกอบมาตรา 41 แห่ง พ.ร.บ. คณะกรรมการการเลือกตั้ง 2560 ที่บัญญัติให้ กกต.มีอำนาจ "ในการควบคุม กํากับ ดูแลการเลือกตั้งให้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม หรือเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย ให้ถือเป็นหน้าที่และอํานาจของคณะกรรมการที่จะต้องดําเนินการสอดส่อง สืบสวน หรือไต่สวน เพื่อป้องกันและขจัดการกระทําหรือการงดเว้นการกระทําใดอันจะก่อให้เกิดความไม่สุจริตหรือไม่เที่ยงธรรม ในการเลือกตั้งได้ ไม่ว่าจะเป็นเวลาในระหว่างประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งหรือไม่ก็ตาม"
หรือ เมื่อมีเหตุอันควรสงสัยหรือความปรากฏไม่ว่าโดยทางใด ไม่ว่าจะมีผู้แจ้งหรือผู้กล่าวหาหรือไม่ ถ้ามีหลักฐานพอสมควรหรือมีข้อมูลเพียงพอที่จะสืบสวนต่อไปว่ามีการกระทําใดอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งและพรรคการเมือง หรือจะมีผลให้การเลือกตั้งมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม หรือเป็นไปโดยมิชอบด้วยกฎหมาย กกต.มีหน้าที่ต้องดําเนินการให้มีการสืบสวน หรือไต่สวน เพื่อแสวงหาข้อเท็จจริงและหลักฐานโดยพลัน หากปรากฏหลักฐานอันควรเชื่อว่า มีผู้กระทําการตามที่มีการสืบสวนหรือไต่สวน ให้คณะกรรมการสั่งให้ดําเนินคดีโดยเร็ว
หากไม่พบหลักฐานชี้ชัดพฤติการณ์ดังกล่าว จี้นายกฯ ต้องแสดงความรับผิดชอบ
อย่างไรก็ตาม ถ้า กกต.เรียกนายกฯมาสอบแล้ว ไม่ปรากฎข้อมูลหรือหลักฐานอันเชื่อได้ว่ามีพฤติการณ์ดังกล่าวจริง นายกฯ จะต้องแสดงความรับผิดชอบ เพราะถือได้ว่าเป็นการเต้าข่าวเพื่อสร้างความเสียหายต่อกลไกการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นตามโรดแมปของ คสช.ด้วย แต่หาก กกต. ไม่เรียกหรือดำเนินการตามข้อเรียกร้องนี้ กกต.ก็จะเข้าข่ายการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตาม ป.อ.มาตรา 157 ประกอบมาตรา 69 แห่งพ.ร.บ.คณะกรรมการการเลือกตั้ง 2560 ทันที
ด้วยเหตุดังกล่าวสมาคมฯจะนำความดังกล่าวไปร้องเรียนต่อ กกต. ในวันศุกร์ที่ 21 ก.ย.2561 เวลา 10.30 น. ณ สำนักงาน กกต. ชั้น 1 ศูนย์ราชการ อาคาร B ถ.แจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กทม. เพื่อให้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ข้างต้นเป็นการเร่งด่วนต่อไป
นอกจากนี้ สมาคมฯ จะร้องเรียน กกต.กรณีที่มีขบวนรถแห่ประชาสัมพันธ์เชิญชวนประชาชนให้มาร่วมการจัดทำนโยบายพรรค โดยมีชื่อนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ในแผ่นป้ายดังกล่าวอยู่ด้วยที่ จ.พิษณุโลก และการจัดประชุมชาวบ้านเพื่อจัดทำนโยบายที่ จ.สมุทรสาครด้วยนั้น เข้าข่ายการฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 53/2560 และคำสั่งที่ 13/2561 หรือไม่ด้วย