ไม่พบผลการค้นหา
การเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ต้นสัปดาห์นี้ (16 ต.ค.) มีทิศทางดีขึ้น หลังผ่านสัปดาห์อันโหดร้ายในช่วงที่ผ่านมา โดยนักลงทุนยังจับตาที่ประเด็นสงครามการค้าสหรัฐ-จีน และการประเมินเศรษฐกิจสหรัฐของธนาคารกลางสหรัฐกับจังหวะการขึ้นดอกเบี้ย

ตลาดหุ้นเอเชียวันนี้ (16 ต.ค.) อยู่ในทิศทางที่ดี ขณะที่ดัชนีหุ้นสหรัฐฯ ปิดตลาดเมื่อคืนนี้ (15 ต.ค.) อยู่ในแดนบวก ซึ่งเป็นผลจากอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลขยับลงระยะสั้น ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ คงที่ ซึ่งเป็นอัตราที่แทบจะต่ำที่สุดใน 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ค่าเงินเยนเทียบดอลลาร์สหรัฐลดลงหลังจากปรับตัวสูงขึ้นไปก่อนหน้านี้

หลังจากสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีหุ้นในญี่ปุ่น ฮ่องกง และออสเตรเลียเติบโตอย่างยากลำบากและมีปริมาณการซื้อขายบางตา คล้ายกับดัชนีหุ้นด้านเทคโนโลยีในตลาดแนสแด็ก (Nasdaq) และดัชนีหุ้น S&P 500 ที่อยู่ในแดนลบทั้งคู่ในช่วงก่อนหน้า

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่อ่อนตัวลงมาในวันนี้ (16 ต.ค.) เกิดขึ้นก่อนจะมีการเปิดเผยรายงานการบิดเบือนอัตราเเลกเปลี่ยนของตราสารหนี้สหรัฐฯ ซึ่งคาดว่าจะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ขณะที่ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และซาอุดีอาระเบียต่อการหายตัวไปของจามาล คาชอกกีนักข่าวชื่อดังชาวซาอุดีอาระเบีย ส่วนราคาทองยังอยู่ในระดับที่ดีอยู่

นอกจากนี้ เหล่าโบรกเกอร์ หรือ นักวิเคราะห์ในตลาดหุ้นก็กำลังต่อสู้อย่างหนักกับข้อมูลเกี่ยวกับสงครามการค้าระกว่างสหรัฐฯ กับจีน และความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ พร้อมกับความพยายามที่จะคาดคะเนทิศทางของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และผลประกอบการไตรมาสที่สามของปีนี้

โดยนักลงทุนกำลังมองหาสัญญาณจากบริษัทต่างๆ ว่าโอกาสเติบโตช้าลงหรือเข้มแข็งขึ้นอย่างไร ซึ่งอาจมีผลกับการปรับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) โดยราคาหุ้นของแบงก์ออฟอเมริกา หรือ BofA ตกลงมาหลังจากประกาศผลรายรับเมื่อวันที่ที่ผ่านมา (15 ต.ค.) ณะที่จะมีการประกาศรายรับของกลุ่มบริษัทโกลด์แมน แซคส์ จะเกิดขึ้นในวันนี้ (ช่วงค่ำตามเวลาประเทศไทย)

สำหรับตลาดหุ้นอื่นๆ พบว่า ค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ปรับตัวสูงขึ้นเป็นผลมาจากอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นเกินกว่าคาดการณ์ของเหล่านักเศรษฐศาสตร์ ขณะที่ ค่าเงินลีราของตุรกียังคงเดินหน้าทำกำไรต่อเนื่องเป็นวันที่ 8 หลังจากมีการนำเสนอข่าวรัฐบาลตุรกีปล่อยตัวบาทหลวงแอนดรูว์ บรันสัน เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (12 ต.ค.)

เหตุการณ์ต้องจับตา กับทิศทางตลาดหุ้นสัปดาห์นี้ (15-19 ต.ค.)

  • มีการประชุมของรัฐมนตรีคลังเอเปก ที่กรุงพอร์ตมอร์สบี รัฐเอกราชปาปัวนิวกินี ระหว่างวันที่ 15-17 ต.ค.
  • การเปิดเผยยอดการปล่อยสินเชื่อในรูปเงินหยวนจีนในโครงการใหม่ ซึ่งน่าจะมีวงเงินสูงถึง 1.36 ล้านล้านหยวน (64.1 ล้านล้านบาท) ในเดือน ก.ย. ซึ่งสูงขึ้นจากในเดือนสิงหาคมที่อยู่ที่ 1.28 ล้านล้านหยวน (60.3 ล้านล้านบาท) เนื่องจากมีความพยายามในการกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจ
  • การประกาศตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือ จีดีพี ของจีนในวันที่ 19 ต.ค. ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าการเติบโตของตัวเลขจีดีพีในปีนี้จะชะลอลงอยู่ที่ร้อยละ 6.6 เมื่อเทียบกับปีที่แล้วที่อยู่ที่ร้อยละ 6.7
  • ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะแถลงรายงานการประชุมในวันที่ 17 ต.ค. นี้ ซึ่งนักลงทุนต่างพุ่งเป้าไปที่ประเด็นการชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ
  • การประกาศรายได้ของ 3 บริษัทใหญ่ ได้แก่ โกลด์แมน แซคส์, มอร์แกน สแตนเลย์ และเน็ตฟิก
  • รัฐบาลต่างๆ ในสหภาพยุโรป (อียู) รวมถึงอิตาลีต้องส่งแผนงบประมาณประจำปีให้กับคณะกรรมาธิการยุโรป


ข่าวที่เกี่ยวข้อง :