ในรายงานประจำปีของนายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนที่เสนอต่อสภาประชาชนแห่งชาติจีน ระบุว่า ปี 2562 ได้ประมาณการอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ หรือ จีดีพี ไว้ที่ร้อยละ 6 – 6.5
อีกยังประากศลดอัตราการเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม เพื่อยับยั้งการหยุดการชะลอตัวของเศรษฐกิจ ขณะที่ยังสามารถต่อกรกับปัญหาหนี้สินและเอาตัวรอดในสงครามการค้ากับสหรัฐฯ
โดยขอบขั้นต่ำของจีดีพีในครั้งนี้นับเป็นการเติบโตที่ช้าที่สุดในรอบ 3 ทศวรรษของจีน สืบเนื่องจากผู้วางนโยบายตัดสินใจให้การแก้ไขปัญหาหนี้สินและความยากจนกลายมาเป็นความสำคัญที่สุดลำดับแรก
ด้านอัตราภาษีนั้น นายหลี่ แถลงลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มกว่า 2 ล้านล้านหยวน หรือประมาณ 9.52 ล้านล้านบาท สำหรับปี 2562
'อลิเชีย กราเซีย เฮอร์เรโร' หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิค จาก Natixis SA ในฮ่องกง ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทผู้จัดการทรัพย์สินสัญชาติฝรั่งเศสที่ใหญ่ที่สุดในโลก กล่าวว่า นโยบายเหล่านี้มีเป้าหมายแก้ปัญหาการชะลอตัวของเศรษฐกิจในเชิงโครงสร้าง แต่ไม่สามารถแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่วนเวียนเกิดขึ้นได้ ดังนั้นผู้กำหนดนโยบายจึงจำเป็นต้องมีมาตรการผ่อนคลายกว่านี้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
“มันเป็นข่าวดีของตลาดในระยะสั้น แต่เป็นข่าวร้ายกับจีนในระยะกลาง เพราะจะมีต้องใช้กำลังในการขุดหากำไรกันอีกมาก” อลิเชีย กล่าว
ลดภาษีมูลค่าเพิ่ม หวังปลุกเศรษฐกิจหายซบ
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า รัฐบาลจีนตั้งเป้าลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มลงร้อยละ 3 จากเดิม โดยหวังช่วยภาคผลิตโดยตรง
ขณะที่ มอร์แกน สแตนลีย์ บริษัทให้บริการทางการเงินระดับโลก กล่าวว่า รัฐบาลยังวางแผนลดภาษีมูลค่าเพิ่มลงร้อยละ 1 จากเดิมที่ร้อยละ 10 ซึ่งคิดเป็นมูลค่าประมาณ 8 แสนล้านหยวน หรือประมาณ 3.8 ล้านล้านบาท ซึ่งจะช่วยกระตุ้นรายรับของบริษัทต่างๆ ได้
รัฐบาลตั้งงบประมาลขาดดุลของปี 2562 ไว้ที่ ร้อยละ 2.8 ของ จีดีพี ในขณะที่ปี 2561 ตัวเลขอยู่ที่ร้อยละ 2.6 โดยรายงานกล่าวว่า “การลดภาษีอย่างเห็นได้ชัด” นี้มาพร้อมกับค่าธรรมเนียม 2 ล้านล้านหยวน หรือประมาณ 9.52 ล้านล้านบาท
การเติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไปประกอบกับตัวกระตุ้นเศรษฐกิจในอนาคตยิ่งมากขึ้นเท่าไหร่ยิ่งแสดงให้เห็นถึงความพยายามของรัฐบาลจีนที่ต้องการทำให้เศรษฐกิจมั่นคงหลังจากเผชิญภาวะบอบช้ำในปี 2561 และตีตื้นกลับขึ้นมา เมื่อความสำคัญถูกให้ไปกับการควบคุมความเสี่ยงทางการเงินและการจำกัดการใช้งบประมาณ การคงอัตราการจ้างงานจึงกลายเป็นเรื่องที่มีความสำคัญมากขึ้นกว่าปีก่อนหน้า
นักวิเคราะห์ประเมินปีนี้จีนโตร้อยละ 6.2
เดวิด ซู่ และ ชาง ชู นักเศรษฐศาสตร์ที่สำนักข่าวบลูกเบิร์กไปสำรวจกล่าวว่า ในการประกาศวันนี้ (5 มี.ค.) มีการพัฒนา 2 ประการที่ดีขึ้น คือ การลดอัตราภาษีที่ค่อนข้างมากจากภาษีมูลค่าเพิ่มและสัญญาณการช่วยเหลือด้านนโยบายการเงินสำหรับเศรษฐกิจมากกว่าการไหลเข้าของกระแสเงินสด
“นโยบายต่างๆ ส่งสัญญาณว่าผู้มีอำนาจอิงอยู่บนความเป็นจริงยอมรับการชะลอตัวของเศรษฐกิจ” ซู่ และ ชู กล่าว
ด้านนักเศรษฐศาสตร์อื่นๆ มองว่าอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจจีนในปีนี้จะอยู่ที่ร้อยละ 6.2 ลดลงจากร้อยละ 6.6 ในปี 2561 ก่อนจะลดลงเพิ่มขึ้นในปี 2563 และ 2564
อ้างอิง; Bloomberg