ไม่พบผลการค้นหา
'มงคลกิตติ์'ใช้เวทีซักฟอกจวกแหลก นายกฯ รู้หรือไม่คนเกลียดกว่า 99% ท้าให้ลองเดินตลาดคนเดียวก็ได้ จวกบริหารประเทศแบบตัดสินใจพลาดเพราะโง่เง่า ขณะที่ ส.ส.ซีกรัฐบาลลุกขึ้นรุมประท้วงให้ถอนคำพูด

เวลา 16.00 น. วันที่ 31 ส.ค. 2564 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์ ลุกขึ้นอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ชี้ถึงสถานภาพการเงินของประเทศในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา หนี้เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.76 ต่อจีดีพี ส่งผลสถานะประเทศมีหนี้สินล้นพ้นตัว อีกทั้งรัฐบาลยังออก พ.ร.ก.กู้เงิน อีก 3 ฉบับ วงเงิน 1.25 ล้านบาท

มงคลกิตติ์ กล่าวอ้างถึงสถานการณ์โควิด-19 ที่มีประชาชนติดเชื้อสะสมกว่า 1 ล้านคน และมีผู้เสียชีวิตกว่า 11,500 คน และอ้างถึงหนังสือของบริษัทไฟเซอร์ ทำหนังสือขอเข้าพบนายกรัฐมนตรีเมื่อช่วงกลางเดือน เม.ย. 2563 แต่ก็ไม่ได้รับการตอบกลับ รวมถึงในการทำหนังสือขอพบ รมว.สาธารณสุข ช่วงเดือน ก.ค. 2563 แต่ก็ไม่มีการตอบรับจากทางกระทรวง ก่อนจะท้วงติงรัฐบาลถึงการบริหารจัดการวัคซีน รวมถึงทักท้วงกรณีไทยไม่เข้าร่วมโคแวกซ์ในการจัดการวัคซีน

มงคลกิตติ์ ยังเปรียบเทียบชนิดวัคซีนที่แข่งขันสูงในตลาดโลก ทั้งประสิทธิภาพและราคา รวมถึงแผนการจัดซื้อวัคซีนของไทย 7 ยี่ห้อ แต่ตั้งข้อสังเกตถึงการจัดซื้อวัคซีนซิโนแวคระหว่างบริษัทและรัฐบาลไทย โดยเฉพาะอ้างถึงสายสัมพันธ์เครือญาติของคนในบริษัทซิโนแวกซ์กับเจ้าสัวรายหนึ่งของไทย นอกจากนี้ยังอภิปรายตั้งข้อสังเกตถึงการทุจริตลักลอบขนแรงงานข้ามชาติ ที่ชี้ว่ารัฐบาลปล่อยปละละเลย และ ยังมีการนิรโทษกรรมให้กับแรงงานและนายจ้างที่ลักลอบขนแรงงานผิดกฎหมายตามมติ 29 ธ.ค. 2563

มงคลกิตติ์ สภา อภิปรายไม่ไว้วางใจ D1D5253A-6CD5-4AE3-89BD-CA52E45DDD0F.jpeg

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงท้าย มี ส.ส.หลายคนลุกขึ้นประท้วง มงคลกิตติ์ เช่น รังสิกร ทิมาตฤกะ ส.ส.บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย ประท้วงที่เขาใช้คำว่า “ทุเรศ” กับ พล.อ.ประยุทธ์ ถือว่าเป็นการใช้คำพูดที่ไม่เหมาะสม จึงขอให้ถอนคำพูด โดย มงคลกิตติ์ ได้ถอนจาก“นายกรัฐมนตรีเป็นคนน่าทุเรศ เป็นนายกรัฐมนตรีก็ทำงานแบบเวิร์กฟรอมโฮมหน้าบัดสีสิ้นดีจริงๆ"

อย่างไรก็ตาม รังสิกร ประท้วงอีกครั้ง ระบุว่าเป็นคนที่เลือก พล.อ.ประยุทธ์ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี การใช้คำว่าบัดสีสิ้นดีจริงๆ จะใช้กับ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้ จากนั้น มงคลกิตติ์ ได้ถอนเปลี่ยนเป็นคำว่า นายกฯเป็นคนดี ซึ่งหมายถึงเกรด D

ต่อมา นิโรธ สุนทรเลขา ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ ประท้วงว่า ญัตติไม่ไว้วางใจนั้น ต้องอยู่ในระเบียบและข้อบังคับ ขอให้ประธานได้ควบคุมข้อบังคับการประชุม มิเช่นนั้นประธานจะผิดจริยธรรมข้อ 12 และผิดข้อบังคับข้อที่ 9 ของสภาผู้แทนราษฎร

นิโรธ สภา D19477EF-F6BD-4126-B396-2B20F69CA674.jpeg

ต่อมา มงคลกิตติ์ จะลุกขึ้นอภิปราย ระบุว่า "ไม่มีคนประท้วงแล้วนะครับ ชัวร์แล้วนะครับ อย่าให้ผมอารมณ์ขึ้นนะครับ" ก่อนอภิปรายต่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ ชอบใช้กำลังติดอาวุธ เพราะมีทหารกว่า 6,000 นาย ปกป้องบ้านของ พล.อ.ประยุทธ์ แล้วก็สั่งปราบปรามผู้เห็นต่าง โดยใช้อาวุธ ไม่ว่าจะเป็น สารเคมี แก๊สน้ำตา กระสุนยาง กระสุนจริงบ้าง

นายกฯรู้มั้ยว่าประชาชน 99.99% เขารังเกียจท่านนายกฯเข้าไส้ ขยะแขยง ถ้าท่านไม่เชื่อท่านลองไปเดินตลาดและห้างคนเดียวก็ได้ แล้วท่านจะรู้เองว่าประชาชนรู้สึกอย่างไรกับท่าน ท่านยังหน้าด้าน หน้าไม่มียางอาย บริหารประเทศแบบตัดสินใจพลาดเพราะโง่เง่า"

ทำให้  ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ประท้วงให้ถอนคำพูด  โดย มงคลกิตติ์ ได้ถอนจากคำว่าหน้าด้าน ไร้ยางอาย เป็น “หน้ามีอายุ 67 ปี

มงคลกิตติ์ กล่าวต่อว่า นายกรัฐมนตรีตัดสินใจแบบบริหารผิดพลาด โง่เขลาหรือแกล้งโง่ ต้องการค้าความตายของประชาชน เอาแต่ประโยชน์เข้าตัวและพวกพ้อง ทำให้ประชาชนลำบากและตายกันหมด น่าจะเป็นความวิบัติของบ้านเมืองที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ ท่านน่าจะเป็นตัวกาลีบ้านกาลีเมืองหรือเรียกว่าตัวเสนียดจัญไรก็ว่าได้

ทั้งนี้ ประธานได้เตือนว่า คำว่ากาลีบ้านกาลีเมืองไม่สุภาพขอให้ถอน  ซึ่ง มงคลกิตติ์ ถอนโดยเปลี่ยนจากคำว่าเสนียดจัญไรเป็น “น้องของจรเข้น้อย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง