เวลา 13.48 น. วันที่ 31 ส.ค. 2564 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ชี้แจงที่ประชุมสภาฯ เป็นครั้งแรกในญัตติเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล โดยชี้แจงภายหลังพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทยว่า ในฐานะที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เป็นรุ่นพี่ตน หลายอย่างรู้สึกว่าคิดไม่ตรงกันเท่าไหร่ อาจจะประสบการณ์ต่างกัน เนื่องจาก พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เป็นเพียงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แต่ตนเป็นนายกรัฐมนตรี ประสบการณ์จึงต่างกัน แต่สิ่งที่อ้างตนไม่รู้เรื่องนู้นเรื่องนี้ ซึ่งการจัดทำงบประมาณ ที่บอกว่าขาดดุลมาไม่มีความก้าวหน้าไม่มีแผนงานใช้เงินเพื่อปูพื้นฐานทางการเมือง ท่านรู้ดีเหลือเกิน ตนไม่เคยทำแบบนี้
ที่ผ่านมาการทำงบประมาณมีอยู่ 3 แบบคือการถมงบประมาณแบบขาดดุลรายได้ จัดเก็บได้ต่ำกว่างบประมาณ งบประมาณแบบสมดุล คือรายได้เท่ากับรายจ่ายและงบประมาณแบบเกินดุล คือรายได้สูงกว่ารายจ่าย เพราะฉะนั้นการทำแบบขาดดุลนั้นทุกคนทราบดีอยู่แล้วว่าถ้าใครอยู่ในรัฐบาลมาก่อนคงทราบดี แม้แต่กระทั่งระเบียบการใช้งกลาง ซึ่งในปีนี้ก็มียอดสูงขึ้น จากงบประมาณในการแปรญัตติมากว่า 1.6 หมื่นล้าน ซึ่งอยู่ในงบกลาง
นายกฯ ระบุว่าใช้ในสถานการณ์โควิด-19 ทั้งสิ้นไม่ได้เพิ่มเติมเป็นพิเศษแต่ประการใด แต่ก็มีหลายคนอยากได้เงินจำนวนนี้ไป แต่จะได้ไปได้อย่างไรเพราะต้องกลับไปอยู่ในงบกลาง ตามระเบียบของสำนักงบประมาณ มีการตรวจสอบและต้องเสนอเข้าคณะรัฐมนตรี ตนไม่สามารถชี้นิ้วอะไรได้เลย
เพราะฉะนั้นการทำงบประมาณขาดดุลในเมื่อรายได้เก็บได้ต่ำกว่าโดยเฉพาะเป็นช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 เพราะฉะนั้นงบประมาณรายจ่ายแบบขาดดุลก็ยังมีอยู่ เพื่อจะขับเคลื่อนให้มีการขยายตัวของเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการก่อให้เกิดการใช้เงินภายในประเทศเพื่อสร้างรายได้ให้กับประชาชนให้เพียงพอพออยู่พอกิน เพราะอาศัยได้ในช่วงนี้ รวมไปถึงต้องใช้ในการลงทุนต่างประเทศด้วยจะหยุดไม่ได้ ทำโครงสร้างพื้นฐานเศรษฐกิจใหม่ ที่บอกว่าตนไม่มีผลงานอะไรเลยท่านคงต้องไปดูใหม่ว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้นมาบ้างในประเทศไทย ท่านอาจจะไม่เห็นก็ได้เพราะอาจทำภารกิจอื่นที่ท่านว่าทำหนักหนาสาหัสของท่าน ถ้าท่านดูในมุมกว้างจะเห็นว่าประเทศไทยเปลี่ยนแปลงไปมากมายในขณะนี้เป็นผลดีกับอนาคตทั้งสิ้น
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ส่วนการดูแลทางสังคมให้กับประชาชนในกลุ่มเปราะบาง มีการเพิ่มเงินถึงแม้ว่าจะไม่มากนักไม่เป็นที่น่าพอใจแต่ก็เพิ่มให้แล้ว ไม่ได้น้อยไปกว่าเดิม และคาดหวังว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจจะเพิ่มตัวสูงขึ้น ช่องว่างระหว่างรายได้ของประชาชนจะลดลง เพิ่มความเสมอภาคในแต่ละกลุ่มเปราะบาง รัฐบาลเอามาดูทุกกลุ่ม จะให้ได้แค่ไหนมากน้อยเพียงใด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับงบประมาณที่มีอยู่ โดยเฉพาะในช่วงนี้มีการจัดเก็บรายได้ที่น้อยลง และจะบริหารจัดการงบประมาณที่มีอยู่ให้ดีที่สุด
แจงจำเป็นต้องมีทหารไว้ดูแลชายแดน ไม่ได้มีไว้รบอย่างเดียว
ขณะที่งบประมาณกระทรวงกลาโหม ตนได้ชี้แจงไปหลายครั้งแล้ว การจัดตั้งงบประมาณ ดูหลักการพิจารณาจากสัดส่วนงบประมาณต่อวงเงินงบประมาณที่บอกว่าสัดส่วนของกลาโหมสูงสุด เพียงแค่สัดส่วน 7.57 ขอให้ย้อนกลับไปดูด้วย ไม่ได้สูงตามที่มีการอภิปราย ยืนยันว่าตนจะระมัดระวังในการใช้จ่ายงบประมาณให้มากที่สุด อะไรที่ปรับได้ตนก็ปรับให้อะไรที่มีความจำเป็นก็ต้องไปหารือกันพิจารณาการในชั้นกรรมาธิการ
โดยเฉพาะเรื่องที่บอกว่ามีทหารไว้ทำไม มีไว้แล้วก็ไม่ได้รบ แล้ววันนี้ทหารทำอะไรบ้าง ทั้งสถานการณ์โควิด-19 น้ำท่วม ฝนแล้ง ดูแลแรงงานต่างชาติการลักลอบเข้าประเทศ กองกำลังอยู่ตามแนวชายแดนและที่ภาคใต้มีอยู่กี่คน ก็มีการหมุนเวียนกองกำลังทุกกองทัพภาคลงไป เมื่อลงไปแล้วก็มีการปรับเปลี่ยนไม่ใช่อยู่กัน 3-4ปี ไม่เช่นนั้นก็ต้องมีปัญหา จึงจำเป็นต้องมีคนหมุนเวียน หน้าที่การเป็นทหาร ได้ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญอยู่แล้วว่าชายไทยทุกคนเป็นทหาร ต้องรับใช้ชาติ เอาเข้ามาก็ไม่ใช่เอามาใช้งานอย่างเดียว หรือเพื่อรบอย่างเดียว เอามาช่วยงานทุกงานในภารกิจของกองทัพ ทางการป้องกันชายแดน และความมั่นคงภายใน และสนับสนุนกระทรวงต่างๆ ซึ่งก็มีเงินเดือนมีเบี้ยเลี้ยง แต่ไม่ได้มากมายอะไรเพียงแต่ต้องใช้คนจำนวนมากพอสมควรในการแก้ปัญหาโควิด-19 ทหารลงไปช่วยเยอะ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องของศักยภาพทางสงครามถือเป็นเรื่องสำคัญ ตนได้ชี้แจงไปหลายครั้งแล้วว่าจำเป็นต้องมียุทโธปกรณ์ที่ทันสมัย เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในชีวิต เป็นทหาร มีความเสี่ยงตลอดเวลา จึงจำเป็นต้องมีเครื่องมือที่ทันสมัย มียานเกราะ มีเสื้อเกราะ เพราะวันนี้อาวุธมันแรงขึ้น หากไม่ดูแลเขาแล้วเขาจะอยู่ไหม นี่จึงเป็นสิ่งที่มีความจำเป็น ยืนยันว่ากองทัพพิจารณาการจัดซื้อจัดหาตามความจำเป็น โดยเป็นการจัดหา 1 ใน 3 เพื่อทดแทนของเก่าที่หมดอายุ
โต้ 'เสรีพิศุทธ์' เอารถถังไปทำปะการังเทียมหลังใช้มานาน
การที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เอารถถังไปทิ้งน้ำ รถดังกล่าวนั้นอายุ 50-60 ปีมาแล้ว จึงไปทิ้งเพราะซ่อมไม่ไหวแล้ว เอาไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นไปทำปะการังเทียมบ้างอะไรบ้าง ก็ดีกว่าจอดทิ้งไว้เฉยๆ ไม่ใช่ว่าซื้อมา 10 ปีแล้วทิ้ง วันนี้รถถังที่เหลืออายุสูงสุดคือ 40 ปี ซึ่งซ่อมไม่ไหว ซึ่งจะต้องมีการประเมินแผนเผชิญเหตุไว้ล่วงหน้าในการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ เขาบอกว่ายุทโธปกรณ์และทหารไม่ต้องมี ไม่รู้ว่าจะไปรบกับใครวันข้างหน้าก็รับผิดชอบด้วยแล้วกัน
ขณะที่หนี้ส่งต่อมาหลายรัฐบาล ตนไม่มีเพิ่มขึ้นในสมัยรัฐบาลตน แต่เป็นหนี้ที่เกิดมูลค่า ส่วนที่บอกว่าตนนั้นไม่รู้กฎหมายตนไม่จำเป็นต้องรู้ทั้งหมด แต่ตนรู้ว่าตนจะใช้กฎหมายได้อย่างไร ให้คนที่ทำหน้าที่ตรงนี้มีอิสระเสรีในการตัดสินใจ ในการแต่งตั้งคนในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตนก็ให้ผบ.ตร. เป็นผู้พิจารณา ตนคิดว่าตนทำได้ดีกว่าสมัยก่อนมาก ขอให้ไปดู
ปัดสร้างภาพให้คนรักอยู่ยาว
ส่วนที่มีข้อกล่าวอ้างว่าการออกมาตรการของตนออกมาเพื่อให้คนนั้นรัก หรือเป็นนายกรัฐมนตรีต่อ คงไม่ใช่ตรงนั้นจะอยู่ต่อหรือไม่อยู่ต่อ อยู่ที่กระบวนการประชาธิปไตยในสภาฯ ก็ว่ากันไป ตนไม่สามารถหลอกใครได้ วันนี้ประชาชนเปิดหูเปิดตามากขึ้นแล้ว เพราะฉะนั้นในส่วนตรงนี้ ปัญหาเรื่องการทุจริตตนประกาศไปแล้ว หากมองตัวเลขการดำเนินคดีกับข้าราชการระดับสูง ระดับกลาง ระดับล่าง มีคดีจำนวนมาก ที่บอกว่ามีคดีมามันจะมากกว่านี้แต่ไม่ถูกดำเนินคดี แต่ขอให้ไปเปรียบเทียบดู สมัยก่อนที่ผ่านมามีหรือไม่ หรือสมัยก่อนที่ผ่านมามีแล้วหนีคดี วันนี้มีหรือไม่ขอให้คิดอย่างนี้ จะได้เป็นธรรมด้วยกันทั้งสองฝ่ายก็ไปด้วยกันได้ทั้งหมด
“วันนี้ต้องใช้โอกาสนี้ ให้บ้านเมืองมีความสงบสุข มีเสถียรภาพมีมั่นความมั่นคง ไม่ใช่มีการสนับสนุนให้มีความวุ่นวาย หลายคนทราบดีทั้งหมด วันนี้มีการตรวจสอบอยู่ว่ามีใครทำให้บ้านเมืองเสียหาย ผมไม่ได้ขู่ใครทั้งสิ้นเป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรมที่ต้องดำเนินการไป ในส่วนรัฐบาลทำหน้าที่ในฝ่ายบริหาร ตำรวจก็อยู่ในฝ่ายบริหาร แต่อย่าลืมว่าอีก 2 อำนาจ คือนิติบัญญัติในสภาแห่งนี้ และอำนาจตุลาการ ซึ่งเป็นเรื่องของอัยการและศาล ผมไปก้าวล่วงไม่ได้ เพราะฉะนั้นรัฐบาลทำเต็มที่ ตำรวจทำเต็มที่"
แจงแทนตำรวจ ปัดใช้อาวุธจริงสลายม็อบ
การที่บอกว่าจะใช้อำนาจกับประชาชนเยาวชนเด็กแล้วใช่ที่ควรจะไปหรือไม่ วันนี้กฎหมายมีอยู่ ทุกคนบอกว่าตนใช้อาวุธ ผมไม่เห็นตำรวจถืออาวุธจริงสักคน มองไม่ออกหรือว่าอันไหนอาวุธจริงหรือปลอม เป็นถึงอดีตผบ.ตร. มีแต่ตำรวจถูกยิงอยู่ทุกวันอยู่นี่ แล้วทำไมถึงมองว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้ความรุนแรงขัดแย้งกับความเป็นจริงขัดแย้งกันในภาพ เพราะฉะนั้นอย่าเลือกดูภาพในโซเชียลหรืออะไรก็แล้วแต่ สุดแล้วแต่ว่าฝ่ายใครจะเอาออกมา
"ผมยืนยันว่าไม่มีการสั่งการให้ใช้อาวุธจริง ขอให้คอยดูต่อไป ว่าใครจะทำให้เกิดสิ่งเหล่านี้ขึ้นมาด้วยแรงหนุนจากใคร นี่คือสิ่งที่ประเทศไทยต้องระมัดระวังที่สุด” นายรัฐมนตรี กล่าว
แจงทำงานบ้านเพราะคนรอบข้างติดโควิด ย้ำนึกถึงประชาชนทุกวัน
นายกฯ ยังระบุอีกว่า ยืนยันว่าศักยภาพทางการเงินการคลังของประเทศไทยยังอยู่ในระดับ 3 b+ เช่นเดิม นี่คือสิ่งที่จะทำให้เห็นว่าประเทศไทยยังมีความเชื่อมั่นในวิถีโลก และในเวทีสากลการจะกู้เงินหรือการใช้เงินต่างๆ เขาก็รับรองให้เราหมด และจะทำเท่าที่จำเป็น โดยเฉพาะสถานการณ์วิกฤตโควิด-19 เพราะฉะนั้นฝากมองตรงนี้ไปด้วย ตนก็เห็นว่ามีคน 30-40 ล้านคน ได้ลงไป ตนก็ไม่เคยเห็นมาตรการว่าคนจะได้ 30-40 ล้านคน แล้วจะเลือกตนหรือไม่ก็ยังไม่รู้เลย ก็ดูแลเขานั่นแหละ และประชาชนที่คุณไปเยี่ยมเขาก็รับเงินตรงนี้ทั้งหมด เมื่อประชาชนเดือดร้อนจนก็มีมาตรการทางการเงินการคลังทุกครั้ง จะบอกว่า ตนไม่นึกถึงประชาชน ก็นึกถึงประชาชนทุกวัน บอกว่าตนไม่ทำงานทำงานแบบเวิร์กฟรอมโฮม (work from home) ช่วงนั้นที่ตนว่าเวิร์กฟรอมโฮม 14 วันเพราะคนรอบข้างติดโควิด-19 หมอสั่งให้ตนทำงานที่บ้าน อาทิตย์หนึ่งตนทำงานทุกวันที่ทำเนียบ แต่เป็นการประชุมผ่านระบบ Video Conference การทำงานวันนี้เป็นแบบนี้เพราะเป็นลมยุคใหม่แล้ว
ส่วนเรื่องเงินทอนขอให้ไปหามาว่าใครได้ ตนยืนยันว่าจะรับการตรวจสอบทุกชนิด อย่าบอกว่าคสช.ไม่ได้รับการตรวจสอบ องค์กรเขาก็ต้องเรื่องมาตนก็สู้ไป ชี้แจงข้อเท็จจริงไป ก็ยังไม่มีเรื่องอะไรที่หนักหนาสาหัส ชี้แจงได้ก็จบ อย่าบอกว่าตนใช้อำนาจรัฐประหาร ท่านเข้าใจอะไรไม่ค่อยถูกต้องเท่าไหร่
ไม่เคยรับผลประโยชน์จากใคร ขอคนทางบ้านดูหน้าได้ ตัวเองมีประสบการณ์
นายกฯ ระบุว่า ที่พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ บอกบริจาคเงินมากกว่าตน เป็นเรื่องที่ดี ขอบคุณมาก ตนก็มีแต่เงินเดือนไม่ได้เป็นเจ้าของธุรกิจ ไม่ได้มีลูกหลาน ทำธุรกิจที่พักรีสอร์ท มีเงินเดือนเท่านั้นที่ใช้อยู่ทุกวันนี้ และไม่เคยเรียกรับผลประโยชน์จากใครทั้งสิ้น อันนี้ตนยืนยันได้ ซึ่งตนได้สวดมนต์ทุกวัน เพราะฉะนั้นตนจะไม่ทำอะไรที่มันผิดขอให้เข้าใจกันด้วย
"ขอฝากประชาชนที่บ้าน ท่านดูหน้าผม ผมพูดจากหัวใจของผม ผมพูดจากสมองที่ว่าน้อยของผม แต่อย่าลืม ผมมีประสบการณ์ 6-7 ปี ตรงนี้เป็นความแตกต่าง ผมยืนยันรัฐบาลทำงานด้วยความซื่อสัตย์ พิจารณาจากสถานการณ์เป็นระยะ ส่วนการพูดเรื่องราคาวัคซีนจะให้รองนายกฯ ชี้แจงได้หมดทั้งหมด" พล.อ.ประยุทธ์ ระบุ
นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า หลายอย่างที่พูดภายในเช้านี้ ทั้งราคาวัคซีน การบริหารกัน จะมีรองนายกฯ ชี้แจงได้หมดทุกข้อ ขอให้รอฟังถ้าไม่ใช่ให้ไปตรวจสอบ แต่ถ้าไปพูดข้างนอกอาจมีปัญหา ไม่ได้ขู่ เพราะเป็นการพูดในสภา ต้องระมัดระวังเหมือนกัน เพราะประชาชนเข้าใจผิด
'เสรีพิศุทธ์' ซัดพฤติการณ์ 6 ข้อไม่ไว้วางใจ 'ประยุทธ์' กู้เงินสืบทอดอำนาจ
ด้าน พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย อภิปรายพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่า สำหรับญัตติที่ตนจะอภิปราย คือ บริหารราชการแผ่นดินล้มเหลว ผิดพลาด บกพร่อง ไร้ประสิทธิภาพ ไร้องค์ความรู้ ไร้ภูมิปัญญา ไร้วุฒิภาวะ ไร้จิตสำนึกรับผิดชอบ ไร้คุณธรรมจริยธรรม และไร้ความสามารถที่จะเป็นหัวหน้ารัฐบาลหรือผู้นำประเทศ โดยมีพฤติการณ์ 6 ประเด็น คือ 1.กู้เงินเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการสืบทอดอำนาจ ตั้งงบประมาณเกินดุลทุกปี ตั้งแต่ปี 2558-2565 ตั้งแต่เป็นนายกฯ กู้เงินทั้งหมด 5,308,000 ล้านล้านบาท มากกว่าสมัย ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ คนกู้ไม่ต้องใช้หนี้ใครมาเป็นนายกฯ ต่อก็ต้องใช้แทน เป็นการกู้เงินมาใช้ในโครงการต่างๆ เพื่อซื้อเสียงล่วงหน้า ถึงเวลาเลือกตั้งจะได้ชนะ หวังสืบทอดเป็นนายกฯ อีกต่อไป ตนขอถามว่า 7 ปีไม่พอหรือ พล.อ.ประยุทธ์ คุณจะเอาอะไรอีก ต้องรู้จักพอบ้าง ที่สำคัญโครงการทั้งหมดตรวจสอบไม่ได้
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวต่อว่า 2.จัดทำงบประมาณโดยไม่เข้าใจปัญหาของประเทศและประชาชน ตั้งแต่ปี 58 ถึงปัจจุบันพล.อ.ประยุทธ์ จัดทำงบประมาณมาแล้ว 8 ครั้ง รวมกว่า 23.5 ล้านล้านบาท และยังมีการทำงบประมาณกลางปีเพิ่มเติมอีก 3 ครั้งในช่วงเป็นรัฐบาล คสช. รวมกว่า 3 แสนล้านล้านบาท แต่แทนที่จะประเทศชาติจะเจริญยิ่งขึ้นแต่กลับมีการทุจริตมากยิ่งขึ้น เป็นการตั้งงบประมาณไว้เผื่อโจรด้วย แต่ใครจะเป็นโจรบ้างนั้นตนไม่รู้ ในช่วงสถานการณ์แบบนี้งบประมาณควรไปที่กระทรวงสาธารณสุข แต่งบประมาณกลับไปที่กลาโหมที่ฟาดเรียบ
หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวต่ออีกว่า 3.ปรนเปรอแต่กองทัพเพื่อใช้เป็นฐานคุ้มจุนอำนาจของตน ทำไมตนถึงบอกว่ากลาโหมฟาดเรียบ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ ที่มาจากทหารท่านรู้ดี งบกลาโหมอยู่อันดับที่ 3-4 มาโดยตลอด ตนอยากจะถามว่ามีผลงานอะไรชี้วัดได้ เพราะเอาเงินไปก็ไม่มีผลงาน ทั้งนี้ในส่วนของสภากาชาดไทยก็ได้รับงบประมาณจากรัฐบาล 8,000 กว่าล้านบาทมากกว่าอีก 7 กระทรวง ส่วนรัฐสภาก็ได้งบประมาณ 8,200 ล้านเช่นกัน ทั้งที่ไมได้มีภารกิจอะไรมากมาย ตนไม่ทราบว่าค่าอาหารพวกตนต่อวันเท่าไร ตนไม่อยากไปซอกแซก แต่รู้ว่าเยอะพอสมควร สงสารประชาชนทำงานทั้งวันๆ ละ 300 บาท เบี้ยประชุมกมธ. ส.ส.เข้ามาเซ็นชื่อ และนั่ง 3-5 นาที 1,500 บาท มากไปหรือไม่ นอกนั้นกุญแจห้อง ส.ส.ที่ให้ตน บอกอย่าทำหาย สภาใช้กุญแจห้องดอกละ 1 หมื่นกว่าบาท ไม่รวมแม่กุญแจ ตนว่ามากไป การจัดงบประมาณแบบนี้
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวต่อไปว่า 4.ปฏิบัติหน้าที่โดยใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย ไม่สนใจชีวิตความเป็นอยู่และความทุกข์ยากของประชาชน รัฐธรรมนูญมาตรา 47 บุคคลย่อมมีสิทธิได้รับบริการสาธารณสุขของรัฐ บุคคลย่อมมีสิทธิได้รับการป้องกันและขจัดโรคติดต่ออันตรายจากภาครัฐโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ในสถานการณ์โควิดไม่ว่าจะเป็นหน้ากากอนาคต ยา หรือวัคซีน สถานการณ์การวัคซีนในไทยเป็นอย่างไรตนคงไม่ต้องอธิบาย เป็นหน้าที่รัฐต้องดูแลประชาชน เมื่อพล.อ.ประยุทธ์ไม่ส่งอุปกรณ์เหล่านี้ ไปให้ประชาชนเท่ากับทำผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 47 ขอให้ประชาชนที่ต้องซื้ออุปกรณ์ป้องกันรักษาโรคหรือซื้อวัคซีนมาฉีดโดยเสียเงินทั้งหมด เอาใบเสร็จที่มีอยู่ไปแจ้งความที่สถานีตำรวจใกล้บ้านได้ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 47 และมีความผิดอาญาตามมาตรา 157 ด้วย ตนเป็นหัวหน้าพรรคเล็กๆ เอาเงินเดือน ส.ส.เบี้ยประชุม กมธ.ทั้งหมด 1.3 ล้านบาทไปแจกให้พี่น้องประชาชนที่เดือดร้อนทั้งหมด แต่ไม่ต้องมาประกาศออกสื่อ วันนี้ต้องแจ้งให้ประชาชนทราบ เพราะพล.อ.ประยุทธ์ ประกาศไม่รับเงินเดือน 3 เดือน พล.อ.ประยุทธ์เป็นถึงนายกฯ ไม่รู้รับเงินกี่ทาง ไม่รับเงินเดือนแค่ 3 เดือนแค่นั้นหรือ ซึ่งในขณะที่นายกฯ เวิร์กฟรอมโฮม ตนก็ลงพื้นที่ช่วยเหลือชาวบ้าน
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวต่อไปว่า 5. ใช้กฎหมายและอาวุธที่ซื้อมาจากภาษีประชาชน เป็นเครื่องมือข่มขู่ปราบปรามประชาชน โดยเฉพาะการจับกุมดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ชุมนุม แต่ให้เด็กที่เป็นนักเรียนไปอยู่ในคุกและติดโควิด วันนี้ม็อบเด็กซาเพราะพ่อแม่กลัวลูกติดโควิด ตนทราบข่าวว่ามีการส่งทหารไปข่มขู่บอกพ่อแม่อย่าให้ลูกออกมาชุมนุม ถูกดำเนินคดีและเป็นโควิดต่างๆ พ่อแม่ก็กลัวก็ไม่ให้ลูกออกมา มีการสั่งการให้ตำรวจปราบ และจับกุม ใช้ทั้งกระสุนจริงและกระสุนยาง จนมีคนตาบอดและยัดเยียดข้อกล่าวหาให้เขา
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวต่อว่า 6.ลิดรอนสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชนโดยที่ไม่เคยมีนายกฯ คนใดปฏิบัติเช่นนี้มาก่อน มีการสั่งปิดสื่อ และศาลยกเลิกคำสั่งของนายกฯ เป็นไม้ตายของรัฐบาล แต่คำสั่งดังกล่าวมีความศักดิ์สิทธิ์จริงหรือไม่ ทั้งนี้เดนิส อิวาโนวิช ฟอนวิชัน ปราชญ์ชาวกรีกได้กล่าวว่า “คนโง่”คือภัยอันตรายร้ายแรงเมื่อกลายเป็นผู้มีอำนาจ สอดคล้องกับที่เด็กบอกว่าผู้นำโง่จะพาเราตายกันหมด ตนไม่ได้พูดแต่เป็นสิ่งที่เด็กพูด อีกทั้งในเพจโซเชียลระบุว่าพฤติกรรมของท่านเหมือนขยะแผ่นดิน ประชาชนเขาไม่เอาแล้ว ท่านเคยพูดว่ามึงลองมาไล่ดูสิ ในวันนี้ตนก็จะพูดว่าผมมาไล่ท่านแล้ว ให้พ้นจากตำแหน่งไป พฤตติกรรมต่างๆ ของพล.อ.ประยุทธ์ เป็นพฤติการณ์ที่ไม่เหมาะสม และผิดกฎหมาย จึงไม่เหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งนายกฯ อีกต่อไป ตนจึงไม่ไว้วางใจตั้งแต่วันนี้โดยไม่รอลงคะแนน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง