ไม่พบผลการค้นหา
ผู้นำฝ่ายค้านฯ ร่ายญัตติซักฟอกเน้นถล่ม 'ประยุทธ์' โอหังคลั่งอำนาจ ใจดำทรยศประชาชน-ปล่อยให้มีการทุจริตกระจายวัคซีนโควิด ไร้ประสิทธิภาพจัดการแก้วิกฤตโควิด-19 ข้องใจสั่งซื้อซิโนแวคแพงกว่าวัคซีนมีประสิทธิภาพ ยุพรรคร่วมรัฐบาลบีบ 'ประยุทธ์' ลาออก ด้าน 'ไพบูลย์' ลุกประท้วงขวางสภาฯ ซักฟอกแตะสถาบัน-พาดพิงผู้นำโง่

เวลาประมาณ 09.50 น. วันที่ 31 ส.ค. 2564 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มี ชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาเรื่องด่วน ญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล โดย สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรและคณะ จำนวน 185 คนได้เสนอ

ทันทีที่การประชุมเปิดขึ้น สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรได้อ่านญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ตามมาตรา 151 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 ตามรายนามดังต่อไปนี้

1.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวง (รมว.) กลาโหม

2.อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข

3.สุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน

4.ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม

5.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

6.ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม

สมพงษ์ ระบุข้อกล่าวหาของ พล.อ.ประยุทธ์ว่า เป็นบุคคลที่ไร้ภูมิปัญญา ไร้องค์ความรู้ ไร้จิตสำนึกรับผิดชอบ ไร้คุณธรรมจริยธรรมและไร้ความสามารถที่จะเป็นหัวหน้ารัฐบาล ผู้นำประเทศ ทำให้การบริหารราชการแผ่นดินเกิดความล้มเหลว ผิดพลาดบกพร่องเสียหายอย่างร้ายแรงทุกด้าน ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจและสังคม ทั้งในภาวะปกติและในภาวะวิกฤติ โดยเฉพาะในยามที่บ้านเมืองต้องประสบกับปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ตั้งแต่ต้นปี 2563 จนถึงปัจจุบันกว่า 19 เดือนเศษ พล.อ.ประยุทธ์ได้รวมศูนย์อำนาจ รวบอำนาจและมีอำนาจตามกฎหมายแบบเบ็ดเสร็จทั้งในฐานะนายกรัฐมนตรี ผู้กำกับการปฏิบัติงานตาม พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ประธานกรรมการบริหารสถานการณ์โควิด-19ผอ.ศบค. ประธานศูนย์บริหารสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจ (ศบศ.) และ ผอ.ศบค.กทม. อีกทั้งยังได้รวบอำนาจตามกฎหมายต่างๆ ถึง 40 ฉบับ

สมพงษ์ระบุตอนหนึ่งด้วยว่า อีกทั้งแอบอ้างว่ามีวัคซีนของบริษัทในพระปรมาภิไธยเพื่อมาฉีดให้กับประชาชน เป็นการทำลายความน่าเชื่อถือของสถาบัน มีผลทำให้ยุทธศาสตร์การจัดหาวัคซีนผิดพลาด มาตั้งแต่ต้น อีกทั้งยังปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตและแสวงหาประโยชน์ของบรรดานักการเมือง พวกพ้อง และข้าราชการที่ปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวข้องกับการระบาดของโรคโควิด-19 อย่างกว้างขวางในหลายเรื่อง ทั้งการทุจริตเกี่ยวกับการจัดหาและจองวัคซีนล่วงหน้า การซื้อวัคซีนก็หลีกเลี่ยงการบังคับใช้กฎหมายเรื่องการจัดซื้อจัดจ้าง เพื่อเปิดประตูให้มีการทุจริต และยังมีการทุจริตในการกระจายวัคซีนโดยเลือกปฏิบัติ

สมพงษ์ อภิปรายไม่ไว้วางใจ สภา  2D443B14-D7A8-4EBE-97AC-EA45309834BB.jpeg

สมพงษ์ ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์กลับดำเนินการโดยล่าช้า ขาดความจริงใจ พฤติการณ์ของ พล.อ.ประยุทธ์ มีลักษณะ “ค้าความตาย” โดยเห็นวัคซีนเป็นสินค้าสาธารณะ เหิมเกริม คิดการใหญ่โตในการสร้างกำไรจากวัคซีนร่วมกับ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข โดยหวังการกอบโกยผลประโยชน์บนซากศพและคราบน้ำตาของพี่น้องประชาชน เพิกเฉยละเลยทำให้ประชาชนสูญเสียโอกาสที่จะได้รับวัคซีนที่หลากหลายและทั่วถึง ภายใต้โครงการ Covax จนกระทั่งสถาบันวัคซีนแห่งชาติต้องออกมาขอโทษประชาชน เมื่อประชาชนออกมาวิพากษ์วิจารณ์ก็ใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือข่มขู่เอาผิดกับประชาชนและลิดรอนสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชนและประชาชน 

"พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และพวกพ้อง ไม่ยึดประโยชน์ของประเทศและประชาชนโดยส่วนรวมเป็นที่ตั้ง “ใจดำ” ทรยศต่อความไว้วางใจของประชาชน ไม่เห็นใจในความทุกข์ยากของพี่น้องประชาชน และจากความโอหังและการเสพติดในอำนาจของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จนทำให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อยู่ในสภาพของคน เป็นโรค “โอหังคลั่งอำนาจ” (Hubris Syndrome) ไม่อยู่ในภาวะที่จะเป็นผู้นำประเทศได้อีกต่อไป"

ดังนั้น หากปล่อยให้ พล.อ.ประยุทธ์ บริหารราชการแผ่นดินต่อไปจะทำให้ประชาชนติดเชื้อและเสียชีวิตมากยิ่งขึ้นจนไม่สามารถที่จะหาสถานที่ฌาปนกิจได้ทันและเพียงพอ และไม่มีหนทางที่จะหยุดยั้งการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้ ประชาชนจะต้องทนทุกข์ทรมาน ทั้งจากโรคและการดำรงชีวิต บ้านเมืองจะไร้ซึ่งความสงบสุขร่มเย็น อันจะนำมาซึ่งความหายนะ ของประเทศชาติอย่างแท้จริงตามที่มีการกล่าวกันว่า “ผู้นำโง่ เราจะตายกันหมด” เพราะคนโง่ คือภัยอันตรายร้ายแรงเมื่อได้กลายเป็นผู้มีอำนาจ 

ประยุทธ์ ประวิตร สภา อภิปรายไม่ไว้วางใจ  9-802F-9C69FD198D9D.jpeg

สมพงษ์ ยังกล่าวถึงข้อกล่าวหาของ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ขาดซึ่งองค์ความรู้ ไร้ซึ่งภูมิปัญญาและความสามารถในการกำกับดูแลงานด้านสาธารณสุขของประเทศ มีพฤติกรรมคุยโม้โอ้อวด ทุจริตต่อหน้าที่ จงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ฉ้อฉล หลอกลวงประชาชน ส่งผลให้การบริหารงานของกระทรวงสาธารณสุขล้มเหลว ผิดพลาดบกพร่องอย่างร้ายแรง โดยเฉพาะการรับมือกับโรคอุบัติใหม่ดังเช่นโรคโควิด-19 ที่เป็นวิกฤตของชาติอยู่ในปัจจุบัน โดยอนุทิน ชาญวีรกูล ขาดสติปัญญา ประเมินความรุนแรงและผลกระทบของโรคนี้ผิดพลาดอย่างร้ายแรง โดยเห็นว่าเป็นเพียงไข้หวัดธรรมดาเป็นและหายได้เอง ประเมินว่าเป็นโรคกระจอก จึงปล่อยปละละเลยในการเตรียมความพร้อมด้านสาธารณสุขและมาตรการป้องกันและควบคุมโรคโดยเฉพาะวัคซีน จนทำให้การแพร่ระบาดของโรคเป็นไปอย่างรวดเร็ว กว้างขวาง 

ดังนั้น หากปล่อยให้ อนุทิน ยังดำรงตำแหน่ง รมว.สาธารณสุขต่อไปจะทำให้การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นและไม่มีทีท่าว่าจะยุติลงเมื่อใด ชีวิตของพี่น้องประชาชนแขวนอยู่บนเส้นด้าย ขณะที่ผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตจะมีเพิ่มมากขึ้น จนอาจกล่าวได้ว่าไม่มีสถานที่เพียงพอที่จะทำพิธีฌาปนกิจศพผู้เสียชีวิตได้

ไพบูลย์ สภา อภิปรายไม่ไว้วางใจ  832-4C38FAC82497.jpeg

'ไพบูลย์' ลุกประท้วงค้านแตะ 'สถาบัน' ป้องนายกฯ ผู้นำโง่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างที่ สมพงษ์ได้อ่านญัตติโดยพาดพิงถึงคำว่า พระปรมาภิไธย ทำให้ ไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ลุกขึ้นประท้วงผู้นำฝ่ายค้านฯ ที่กำลังเสนอญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยมีถ้อยคำที่กล่าวถึงพระมหากษัตริย์ นำสถาบันพระมหากษัตริย์มาเกี่ยวข้องการเมือง ท่านผู้นำฝ่ายค้านฯ อ่านตามญัตติได้ แต่ฝ่ายค้านจะนำข้อความนี้ไปอภิปราย เมื่อท้วงก็บอกว่าประธานอนุญาต ตนเห็นว่าเมื่อนำถ้อยคำวัคซีนเกี่ยวกับบริษัทต่างๆ ที่เกี่ยวข้องสถาบัน ตนไม่เห็นด้วยที่ประธานอนุญาตจะให้มีการอภิปรายต่อไปอีก และเป็นห่วงจะมีสมาชิกนำเรื่องดังกล่าวจะนำไปอภิปราย

ทั้งนี้ ชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ ได้อนุญาตให้ผู้นำฝ่ายค้านฯ ได้อ่านตามญัตติต่อไป

อย่างไรก็ตาม ระหว่างสมพงษ์อ่านญัตติ ยังคงถูก ไพบูลย์ประท้วงเป็นระยะ โดยประท้วงข้อความที่กล่าวหาว่า พล.อ.ประยุทธ์ ค้าความตาย เป็นการใส่ความ ขัดต่อข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ค้าความตาย ใส่ความกันอย่างนี้ได้ยังไง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ท่านเป็นห่วงเรื่องนี้ในสภาฯ จะมีการใส่ความนายกฯ ใส่ความค้าความตายเป็นไปไม่ได้ การที่สมพงษ์อ่านตามญัตตินั้นไม่ติดใจ

จากนั้น ชวนระบุว่า ผู้อภิปรายยังอ่านตามญัตติที่สภาฯ ได้อนุญาตไว้ไม่มีปัญหาอะไร ถ้ากล่าวถ้อยคำเกินญัตติ ไพบูลย์ก็ประท้วงได้เพื่อไม่ให้เสียเวลา

ครูมานิตย์ สังข์พุ่ม ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย ประท้วงว่า ที่ผ่านมาไม่มีใครประท้วงผู้นำฝ่ายค้านฯ มีแต่ผู้แทนก้าวเขย่งที่ประท้วง

ขณะเดียวกัน ไพบูลย์ ได้ใช้สิทธิประท้วงช่วงที่ สมพงษ์ อ่านญัตติถึงพล.อ.ประยุทธ์ว่าผู้นำโง่ ตนเห็นว่าไม่น่าใช้ถ้อยคำดังกล่าว คำพิพาษาศาลฎีกาเคยบอกว่าเป็นการดูหมิ่นเหยียดหยามไม่ควรนำมาใช้ในสภาฯ ขัดต่อข้อบังคับการประชุมสภาฯ และข้อบังคับจริยธรรม ตนต้องทักท้วงเรื่องนี้ ถ้ามีส.ส.ฝ่ายค้านกล่าวถึงถ้อยคำผู้นำโง่ ตนจะใช้สิทธิประท้วง

โดย ชวนย้ำว่า ไพบูลย์ประท้วงไม่ผิดข้อบังคับ และเรียนสมาชิกว่าข้อกล่าวหาหนัก เบาอีกฝ่ายมีสิทธิตอบได้

ประยุทธ์ ประวิตร สภา อภิปรายไม่ไว้วางใจ  B1A856EB36.jpegชวน  4D40CE73.jpeg

'สมพงษ์' ซัด 'ประยุทธ์' เน้นเวิร์กฟรอมโฮมเมินความทุกข์ประชาชน

จากนั้น สมพงษ์ ได้อภิปรายว่า ประเทศไทยเวลานี้มาถึงจุดวิกฤตอีกครั้งโดยวิกฤตโรคระบาดที่คนไทยเผชิญอยู่ และเป็นวิกฤตที่เลวร้ายรุนแรง ที่โอหังคลั่งอำนาจ ไร้ประสิทธิภาพ ผู้นำขาดความรู้จัดการปัญหา บริหารประเทศอย่างไร้ระบบไม่มีศักยภาพในการฟื้นฟู เยียวยา ป้องกันดูแลประชาชน ไม่มีทิศทางการพัฒนาชีวิตในอนาคตของไทย ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์และพวก ได้แสดงให้เห็นถึงความไม่โปร่งใสของการจัดสรรงบประมาณในสถานการณ์เร่งด่วนทั้งในประเทศและประชาคมโลกได้ บริหารดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น ใช้ตัวเองเป็นศูนย์กลางของทุกอย่าง จนไม่สามารถจัดการปัญหาได้เลย ขณะที่ทุกประเทศรับมือสถานการณ์โรคระบาดครั้งนี้ เป็นโรคระบาดรุนแรงที่สุดที่ในประวัติศาสตร์ แทนที่ผู้นำไทยจะเข้าใจการประเมินสถานการณ์ ได้เกิดผลกระทบต่างๆ มากมาย 

สมพงษ์ ระบุว่า การแก้ปัญหาของผู้นำแบบเก่งคนเดียว รวบอำนาจไว้ที่ตัว แต่ขาดความเข้าใจที่จะรับฟังเสียงของประชาชนทุกวันนี้ การบริหารจัดการของ พล.อ.ประยุทธ์ มีสภาพที่ขับเคลื่อนแล้วถูกด่าประจำ ทุกวันนี้ต้องส่งเสียงด่าจากความคับแค้นของประชาชนที่ร้องขอความเป็นธรรม ประชาชนสิ้นหวัง แต่ผู้นำยิ้มย่องจ๊ะจ๋า แอบอ้างสร้างภาพความดี และเกรี้ยวกราด ลดทอนประชาชน ทั้งที่มีประชาชนล้มตายเป็นใบไม้ร่วงอย่างน่าอนาถ 

"นายกฯได้ยินหรือไม่ ทราบหรือไม่ ท่านไม่ได้มีประชาชนอยู่ในหัวใจแม้แต่น้อย พล.อ.ประยุทธ์ต้องยอม ท่านใจดำ ไร้หัวใจความเป็นมนุษย์ โอหังคลั่งอำนาจ ผมเชื่อว่านายกฯ ไม่ยอมรับ แต่เป็นคำอธิบายถึงตัวนายกฯ ได้ดีที่สุดในเวลานี้" สมพงษ์ ระบุ

นอกจากนี้ การแก้ไขวิกฤติล่าช้าไม่ทันการณ์ ไม่สามารถป้องกันความสูญเสียของประชาชนได้ พล.อ.ประยุทธ์ทราบหรือไม่ว่า ทุก 7 นาทีมีคนตายต้องตายเพราะการบริหารจัดการโควิด-19 ล้มเหลว ประมาทเลินเล่อ ไทยสูญเสียเศรษฐกิจกว่า 8 พันล้านบาทจากการล็อกดาวน์ผิดพลาด ทำให้ประเทศไทยรั้งไทยของโลกการจัดการโควิด การรัฐประหารปี 2557 ได้ทำลายเศรษฐกิจก่อนจะมีโรคระบาดนี้ ไทยไม่อนาคต ในปี 2563 เศรษฐกิจไทยตกต่ำมาเป็นอันดับของโลก ฟื้นตัวช้า รัฐบาลของพวกท่านยังกู้เงินค่าใช้จ่ายจำนวนมหาศาลในประวัติศาสตร์การกู้ แต่ไร้ประสิทธิภาพ เยียวยาไม่ได้สร้างงานสร้างรายให้ประชาชน ล็อกดาวน์แบบเหมาเข่ง ทำให้สินเชื่อดอกเบี้ยขาดเป้าหมาย โดยบริษัท ห้าง ร้าน ต้องปิดตัวล้มละลาย ทำให้เกิดการว่างงานสูงที่สุด

ภาคการเกษตร สินค้าการเกษตรตก ไร้ประสิทธิภาพการป้องกันโรคระบาดในวัวและสุกร ล้มเหลวจัดการวัคซีนของคนและสัตว์ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์จัดการไร้ความรู้ กล้าค้าความตาย ส่งมอบความเจ็บปวดให้ประชาชน โดยนายกฯไม่รู้สึกละอายอย่างนี้

คนไทยติดเชื้อโควิดกว่า 1 ล้านคน มี 1 หมื่นชีวิตจากครอบครัวไม่ได้ร่ำลา ขอถามนายกฯ ได้รู้สึกตัวเลขเหล่านี้หรือไม่ แต่เป็นชีวิตของคน คนในสังคมสะท้อนผ่านโซเชียลมีเดีย ผมอยากถามว่าท่านรู้สึกเหมือนพี่น้องประชาชนหรือไม่ ท่านเคยบอกว่า ท่านไม่อยากเห็นคนเจ็บคนตายข้างถนนน แต่ท่านเวิร์กฟรอมโฮมไม่เคยมาร่วมทุกข์กับประชาชน เป็นเพราะว่าท่านกลัวความจริงไม่กล้าเผชิญความจริง เป็นสะท้อนการบริหารอย่างไร้สมอง ท่านเป็นผู้นำที่ขี้ขลาดที่สุด การแก้ปัญหาโรคโควิด พล.อ.ประยุทธ์ลุอำนาจอย่างเคยชิน ยึดอำนาจการบริหารสถานการณ์โควิดจากกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ออกคำสั่งรวบกฎหมายถึง 40 ฉบับ นำพวกพ้องจัดคนไม่เหมาะสมกับงาน จนทำให้ระบบสาธารณสุขไทยที่แข็งอันดับต้นของโลกกลายเป็นล้มเหลว ศบค.อำนาจล้นฟ้าแต่กลับล้มเหลว

ประยุทธ์ อภิปรายไม่ไว้วางใจ สภา  5D77AD5F-721F-4319-BCC8-115E1B026F8D.jpeg

ติงทุ่มซื้อวัคซีนซิโนแวคคุณภาพต่ำแพงกว่าวัคซีนมีคุณภาพ

ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ระบุว่า การระบาดของโรคเกิดจากความบกพร่องของรัฐมนตรีในรัฐบาล ทั้งแรงงาน บ่อนการพนัน การระบาดจากทองหล่อคลัสเตอร์ส่งผลเสียหายรุนแรงถึงทุกวันนี้ การปิดแคมป์คนงานที่หลักสี่ ไร้จัดการที่ดี ไร้แผนป้องกันที่ดี ส่งผลให้เกิดการระบาดแบบผึ้งแตกรัง ทำให้สายพันธุ์เดลต้าระบาดไปทั่วไปสร้างความเสียหายต่อเนื่อง ส่วนวัคซีนคือทางรอดของประชาชนแต่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์บริหารวัคซีนได้บกพร่อง ย่ำแย่ สร้างความเสียหายต่อประชาชนและเศรษฐกิจ

อนุทิน วิษณุ สภา อภิปรายไม่ไว้วางใจ  -441DAFDA3B22.jpegสภา อภิปรายไม่ไว้วางใจ -8890-2E8F7E0B46E7.jpeg

พล.อ.ประยุทธ์ปฏิเสธการซื้อวัคซีนหลากหลายยี่ห้อ แต่ทุ่มหมดหน้าตักซื้อวัคซีนตัวเดียว ทำให้ไทยมีวัคซีนน้อยที่สุด ประการต่อมา ท่านปฏิเสธเข้าร่วมโคแวกซ์ ทำให้ไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ไม่มีการเข้าร่วม แต่ในที่สุดเมื่อท่านทนต่อสถานการณ์บีบคั้นไม่ได้ ท่านจึงเข้าร่วมโครงการ แต่กลับตัวครั้งนี้ช้าไปเป็นปี เสียโอกาสจะได้รับวัคซีนจากองค์กรนี้มาหลาย 10 ล้านโดส ทุกนาทีที่ไทยขาดวัคซีน คือชีวิตของประชาชนที่ล้มตายไปเพิ่มขึ้นจำนวนมาก ประการสุดท้าย ท่านสั่งวัคซีนซิโนแวควัคซีนหลัก ทั้งที่ตอนสั่งยังไม่มีการรับรองจากองค์การอนามัยโลก การระบาดของสายพันธุ์เดลต้าตอบถึงประสิทธิภาพของวัคซีนซิโนแวค แต่ก็ยังจัดซื้อไม่สนเสียงคัดค้าน ขอถามเหตุใดวัคซีนคุณภาพต่ำจึงมีราคาแพงกว่าวัคซีนคุณภาพสูง ทำไมรัฐบาลจึงดังดันสั่งซื้อไม่มีที่สิ้นสุด จนมีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า หากไม่โง่ก็คงโกง 

"ท่านต้องตอบให้ได้คนของท่านมีผลประโยชน์อะไรยิ่งใหญ่กว่าของชีวิตประชาชน และเป็นรัฐบาลที่จะกล้าค้าความตายกับประชาชน และท่านควรพิจารณาลาออก ทั้งหมดคือความล้มเหลวอันตรายกับประเทศที่รัก สาเหตุจากความบกพร่องสติปัญญาและอารมณ์ของพล.อ.ประยุทธ์ที่ได้อำนาจมาจากการล้มล้างรัฐบาลประชาธิปไตยจากการเลือกตั้งของประชาชน จนเกิดรุนแรงไม่เคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์" สมพงษ์ ระบุ

สมพงษ์ ระบุว่า "ผมขอเชิญชวน ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลได้โปรดยับยั้งหยุดมองแต่ผลประโยชน์ทางการเมือง และส่วนตนให้มองเห็นชีวิตประชาชนร่วมยืนเจตจำนงประชาชนให้พล.อ.ประยุทธ์ลาออกไป ผู้นำเช่นพล.อ.ประยุทธ์คือความอับอายของประเทศที่ไม่สามารถนำประเทศให้พ้นวิกฤตได้อีกต่อไป พล.อ.ประยุทธ์ไม่ใช่ผู้นำที่จะแก้วิกฤตได้อีก พล.อ.ประยุทธ์ไม่ใช่ผู้นำของอนาคตและลูกหลานของเรา พล.อ.ประยุทธ์เป็นเพียงสิ่งไร้ค่าไร้ความหมายในความทรงจำของคนรุุ่นต่อๆ ไปเท่านั้น ผมและพรรคฝ่ายค้านเห็นว่าไม่อาจไว้วางใจให้พล.อ.ประยุทธ์ทำหน้าที่บริหารราชการต่อไป"

ข่าวที่เกี่ยวข้อง