นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล โฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวภายกลังการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค พปชร. เกี่ยวกับการเดินหน้าในการหาเสียงเลือกตั้ง ในระหว่างวันที่ 21 ก.พ. - 22 มี.ค. นี้ พรรคจะเปิดแคมเปญ '30 วันคาราวานสร้างชาติกับพลังประชารัฐ' จะมีทีมผู้บริหารระดับสูงของพรรคเดินทางไปช่วยผู้สมัคร หาเสียงในภาคต่างๆ ของประเทศไทยในลักษณะคาราวานเริ่มที่ จ.ชัยนาท ในวันที่ - 21 ก.พ. นี้โดยจะพูดเรื่องข้าวเป็นหลัก
ส่วนวันที่ 24 ก.พ. นี้ที่ จ. สมุทรปราการ จากนั้นจะไปตามภาคต่างๆ รวมถึง กทม. ในลักษณะสัญจรตามภูมิภาคแบบต่อเนื่องบางที่ก็จะไป 4-5 วันเพื่อพบประชาชนอย่างทั่วถึงเพื่อให้ผู้บริหารของพรรคได้พบกับประชาชน พร้อมทั้งเสนอนโยบายดีๆ ต่อประชาชน ขอให้ติดตาม ถือเป็นการเดินหน้าหาเสียงอย่างเต็มที่ เพราะเรามีความพร้อมหมดแล้ว ทั้งผู้สมัคร ส.ส. นโยบายและตัวของนายกรัฐมนตรี ของพรรคพลังประชารัฐเราจึงต้องลงไปสู้พื้นที่ในโค้งสุดท้าย 30 วันจากนี้ไป
เมื่อถามถึงกรณีที่ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. จะลงพื้นที่ไปด้วยหรือไม่นั้น นายกอบศักดิ์ กล่าวว่า คงยังไม่ได้ เพราะต้องรอแนวทางที่ชัดเจนจาก กกต. ก่อน คงเป็นแค่ผู้บริหารพรรคที่ลงพื้นที่ไปก่อน
ส่วนกรณีที่มีการยื่น กกต. ให้ยุบพรรค พปชร. จะกระทบต่อการเดินหน้าหาเสียงหรือไม่ นายกอบศักดิ์ กล่าวยืนยันว่าในเรื่องนี้ทางพรรคพลังประชารัฐไม่ได้มีความกังวล เรามั่นใจว่าเราทำทุกอย่างตามกฎหมาย อย่างถูกต้องแล้ว ไม่ติดและไม่กังวลใดๆ เราจะเดินหน้าหาเสียง นำนโยบายไปให้ประชาชนรับฟังปัญหาของเขา และมั่นใจว่า เราจะเป็นพรรคการเมืองที่ตอบโจทย์พี่น้องประชาชน ส่วนเรื่องการดำเนินคดี พรรคมีทีมกฎหมายตามเรื่องนี้อย่าใกล้ชิด
ขณะเดียวกัน พรรคดำเนินการทุกอย่างตามขั้นตอนอย่างรอบครอบ กรณีที่มีการนำเรื่องการยุบพรรค พปชร. ไปเทียบเคียงกับการยุบพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) นั้น นายกอบศักดิ์ย้ำว่า พรรคมีนักกฎหมายดูแลอย่างเรียบร้อย และมั่นใจว่าเราได้เช็กทุกอย่างเรียบร้อยแล้วตามขั้นตอนของ กกต.
เมื่อถามว่า ขอบเขตการหาเสียงของพรรคที่จะให้ พล.อ. ประยุทธ์ ไปช่วยหาเสียงจะมีมากน้อยแค่ไหน โฆษกพรรค พปชร. กล่าวยอมรับว่า ตอนนี้ทำได้เพียงแค่การนำภาพของพล.อ. ประยุทธ์ มาติดป้ายหาเสียงเท่านั้นส่วนแนวทางอื่นๆ ยังต้องรอการพิจารณาจาก กกต. เพราะตำแหน่งของนายกรัฐนตรี ถูกนำไปตีความหลายอย่าง ซึ่งทางพรรค พปชร. ก็ระวัง และไม่ได้เชิญท่านนายกรัฐมนตรีไปหาเสียงเลย ท่านก็ทำหน้าที่นายกรัฐนตรีของท่านต่อไป แค่เพียงท่านรับเป็นนายกรัฐทนตรีของพรรคก็ดีใจแล้ว ตัวของสมาชิกพรรคก็มีความฮึกเหิม มีกำลังใจ ซึ่งถ้า กกต.ระบุว่าไม่อนุญาตให้ท่านนายกรัฐมนตรีมาลงพื้นที่หาเสียงกับพรรคก็ไม่เป็นไร เราอยู่ได้ ท่านนายกรัฐมนตรีทำให้ทุกคนเห็นถึงพลังของพรรค พปชร. และทำให้เห็นชัดเจนว่า ใครจะมาเป็นนายกรัฐมนตรี และนโยบายของรัฐบาลเรื่องใดที่พรรคจะนำมาทำต่อ ก็เพียงพอแล้ว