ไม่พบผลการค้นหา
นายกรัฐมนตรี ยืนยันไม่ไปช่วยพรรคพลังประชารัฐ หาเสียง แต่จะลงพื้นที่พบประชาชน เหมือนที่เคยปฏิบัติมา โดย 10 มี.ค. นี้ ไม่ไปลงพื้นที่หาเสียง จังหวัดนครราชสีมา เพราะต้องพักรักษาดวงตาให้หายดีก่อน

ภายหลัง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยังไม่มีความชัดเจนว่า จะลงพื้นที่ปราศรัยหาเสียงช่วยพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ ล่าสุดพล.อ.ประยุทธ์ ยืนยันจะลงพื้นที่พบประชาชนตามปกติเหมือนที่เคยปฏิบัติมา แต่จะไม่ไปช่วยพรรคพลังประชารัฐหาเสียง

ขณะที่คนใกล้ชิดนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะยังไม่ลงพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา เพื่อช่วยหาเสียงปราศรัยให้กับพรรคพลังประชารัฐ เพราะยังต้องรักษาดวงตา จากการผ่าตัดสักระยะจนกว่าจะหายดี และจะลงพื้นที่พบประชาชนตามปกติ

ด้านนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล โฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงความชัดเจนการขึ้นเวทีปราศรัยของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค ว่า ขณะนี้ทางพรรคกำลังหารืออย่างใกล้ชิดกับทีมงานของ พล.อ.ประยุทธ์ เพราะในหนังสือของคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.มีเงื่อนไขแนบท้าย ว่าต้องระมัดระวังเรื่องการเอื้อประโยชน์ และให้คุณให้โทษ 

ดังนั้นทีมกฎหมายพรรคกำลังพิจารณาอยู่ว่าสิ่งไหนทำได้ สิ่งไหนทำไม่ได้ ทั้งนี้แม้ พล.อ.ประยุทธ์ จะไม่สามารถช่วยพรรคหาเสียงได้ในช่วงโค้งสุดท้าย แต่ประชาชนรับรู้ว่าเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค และมั่นใจว่า พล.อ.ประยุทธ์เหมาะสมในการนำพาประเทศ ไปสู่ความสงบมั่นคงได้ เพราะนโยบายของทุกพรรคการเมือง รวมถึงพรรคพลังประชารัฐเอง คงทำไม่ได้ถ้าบ้านเมืองไม่สงบ ดังนั้นจึงมั่นใจว่า พล.อ.ประยุทธ์ คือ คนที่ใช่และเหมาะสมกับสถานการณ์บ้านเมืองในขณะนี้ 

ส่วนแผนสำรองของพรรคนั้น นายกอบศักดิ์ กล่าวว่า พรรคมีโครงการ 30 วัน คาราวานทั่วไทย ในการหาเสียงกับประชาชนช่วงโค้งสุดท้าย และกระแสพรรคก็ดีวันดีคืน ส่วนผลสรุปเรื่อง พล.อ.ประยุทธ์ จะแจ้งสื่อให้ทราบอีกครั้งว่าเราจะดำเนินการอย่างไร และไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไรพรรคเราได้รับการซัพพอตอย่างดี

วิษณุ ปัดคุย ประยุทธ์ เรื่องข้อจำกัดหาเสียง

ขณะที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมตรีพรรคพลังประชารัฐ ไม่ได้มาปรึกษาเรื่องการหาเสียง กับตนเองแต่อย่างใด ซึ่งจะมีปัญหาหรือไม่ ตนเองก็ไม่ทราบ เพราะ ตามที่ กกต. ได้ทำหนังสือแจ้งไปยังพรรคพลังประชารัฐ ก็ได้เห็นหนังสือนั้นเช่นกัน ซึ่งมีข้อให้พึ่งระมัดระวัง ตามมาตรา 78 คือ เจ้าหน้าที่ของรัฐจะต้องไม่ใช้อำนาจหรือตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบ และย้ำว่าตนเองไม่ทราบว่านายกรัฐมนตรี ควรจะดำเนินการอย่างไร ไม่ให้มีความผิด เพราะที่ผ่านมา ตนเองก็ไม่เคยหาเสียง

นายวิษณุ ยังไม่กล้าให้ความเห็น กรณีที่นายกรัฐมนตรียกเลิกการปราศัยช่วยพรรคพลังประชารัฐ เพราะนายกรัฐมนตรี ไม่เคยมาปรึกษามาก่อน แต่ตามหลักเกณฑ์แล้วการที่นายกรัฐมนตรีจะพูดหรือ ขึ้นเวทีดีเบต จะต้องตามหลักเกณฑ์ ไม่สุ่มเสี่ยง อย่างไรก็ตามแม้นายกรัฐมนตรี ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ แต่เป็นแคนดิเดต นายกรัฐมนตรีของพรรค ก็สามารถลงพื้นที่พบประชาชนได้ อย่างไม่มีปัญหา เพราะได้ดำเนินการอยู่แล้ว ในฐานะนายกรัฐมนตรี แต่หากจะเดินสายหาเสียงกับพรรคพลังประชารัฐ ก็จะถือว่าทำงานกับพรรคการเมือง ซึ่งต้องพิจารณาข้อชี้แจงจาก กกต. ให้มีความชัดเจน 

เพราะแม้จะทำได้แต่จะต้องไม่ใช่ตำแหน่งหน้าที่ในฐานที่ให้คุณให้โทษกับกับพรรคการเมืองใด โดยส่วนตัวก็ยังไม่ทราบว่า จะต้องทำอย่างไร ส่วนจะใช้เกณฑ์หรือมาตรฐานใดมาตัดสิน ให้ย้อนไปดูกรณี อดีตนายกรัฐมนตรี คนอื่นๆที่ผ่านมา ว่าเมื่อยุบสภา แล้วเมื่อเวลาหาเสียง ต้องทำอย่างไร แต่ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีไม่ได้เป็นผู้สมัคร ส.ส. แต่ กกต.ผ่อนผัน ให้ แคนดิเดต นายกรัฐมนตรี สามารถดำเนินการหาเสียงได้ในบ้างเรื่อง เป็นลักษณะเดียวกับ อดีตนายฯ เช่น การถ่ายรูปคู่ผู้สมัครในป้ายหาเสียง  เป็นต้น 

นายวิษณุ ยังไม่ตอบว่านายกรัฐมนตรีควรลงพื้นที่หาเสียงกับพรรคพลังประชารัฐ หรือไม่  เพราะไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย ขอให้เป็นหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีตัดสินใจเอง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง