ไม่พบผลการค้นหา
รัฐมนตรีสิงคโปร์ประกาศว่าจะพยายามมากขึ้นเป็น 2 เท่า ในการพัฒนาอุตสาหกรรมปัญญาประดิษฐ์ และเตรียมความพร้อมให้แรงงานมีทักษะสำหรับระบบเศรษฐกิจในอนาคตที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี

วิเวียน บาลาคริชนัน รัฐมนตรีต่างประเทศของสิงคโปร์ และเป็นผู้ดูแลโครงการสมาร์ทเนชั่น กล่าวว่า สิงคโปร์จะพยายามมากขึ้นเป็น 2 เท่า ในการพัฒนาอุตสาหกรรมปัญญาประดิษฐ์ (AI) รวมถึงเตรียมความพร้อมให้แรงงานสามารถใช้เครื่องมือและปัญญาประดิษฐ์ เพื่อให้เข้าไปมีส่วนร่วมกับระบบเศรษฐกิจในอนาคตที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีได้ "อย่างมีความหมาย" แม้ทุกคนจะไม่จำเป็นต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเอไอ

บาลาคริชนันกล่าวว่า เอไอได้เปลี่ยนแปลงโลกไปอย่างมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะเทคโนโลยีเรียนรู้เชิงลึก และมนุษย์ก็ได้ประโยชน์จากบริการอย่าง การสั่งงานผ่านเสียง การแปลภาษา ระบบนำทางจีพีเอส และการเตือนการโกงบัตรเครดิต

รัฐบาลสิงคโปร์ได้ใช้เอไอสอดส่องกิจกรรมทางการเงินที่ผิดปกติ รวมถึงนำเอไอมาใช้ถอดคำพูดในการอภิปรายด้วย และหนึ่งในตัวชี้วัดความตั้งใจพัฒนาระบบเอไอที่ระบุไว้ใน "พิมพ์เขียวรัฐบาลดิจิทัล" ว่า ทุกกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องมีโครงการเกี่ยวกับเอไออย่างน้อย 1 โครงการภายในปี 2023

สิงคโปร์มีพื้นฐานที่ดีสำหรับการพัฒนาเอไออยู่แล้ว โดยมูลนิธิวิจัยแห่งชาติได้เริ่มโครงการ "เอไอสิงคโปร์" เพื่อให้สถาบันวิจัยต่างๆ ได้มาเจอกับธุรกิจสตาร์ทอัพ และเปิดโครงการ "เอไอสำหรับทุกคน" เพื่อสอนความรู้เบื้องต้นด้านเทคโนโลนยีให้กับชาวสิงคโปร์ 10,000 คน ตั้งแต่นักเรียนระดับมัธยมศึกษาไปถึงคนวัยทำงาน อีกทั้งยังมีโครงการ "เอไอสำหรับอุตสาหกรรม" เพื่อสอนความรู้ด้านเทคโนโลยีให้กับคนวัยทำงานประมาณ 2,000 คน

บาลาคริชนันระบุว่า การส่งเสริมความรู้ด้านเอไอให้กับคนในท้องถิ่นจะช่วยให้ทุกคนได้รับประโยชน์จากเอไอ ดังนั้น โรงเรียนจะต้องสอนแนวคิดเชิงคำนวณ (computational thinking) และการรู้เท่าทันข้อมูล และต้องฝึกฝนให้คนวัยทำงานมีความรู้เรื่องวิทยาการข้อมูล (data science) และทักษะเอไอ

อย่างไรก็ตาม บาลาคริชนันกล่าวว่าการพัฒนาเอไอของสิงคโปร์ในปัจจุบันก็ยังไม่เพียงพอ จะต้องทุ่มเทให้กับเอไอมากกว่าเดิมเป็นสองเท่า โดยปีนี้ หน่วยงานต่างๆ จะร่วมกันศึกษาวิธีการที่สิงคโปร์จะพัฒนาเอไอ และขึ้นมาเป็นแหล่งทดสอบและใช้เอไอที่น่าเชื่อถือในระดับโลก

นอกจากนี้ ประชาชนสิงคโปร์ก็จะได้รับบริการใหม่ๆ ที่ดีขึ้นกว่าเดิมจากรัฐบาลและเอกชน บาลาคริชนันอ้างอิงข้อมูลจากบริษัทแมคคินซีว่า เราสามารถนำเอไอมาจัดการระบบไฟจราจร ดูแลจัดการโครงสร้างพื้นฐานสาธารณะ หรือคอยสอดส่องว่านักเรียนกำลังเครียดเกินไปหรือไม่

ขณะเดียวกันนี้ สิงคโปร์ได้ใช้เอไอในภาคการเงิน โลจิสติกส์ และความมั่นคงไซเบอร์ รัฐบาลสิงคโปร์ตั้งใจจะเปิดให้ทุกคนเข้าถึงข้อมูลและเครื่องมือที่เกี่ยวข้องกับเอไอเพื่อไปลองใช้เอไอ โดยเฉพาะธุรกิจขนาดเล็ก


ที่มา : Channel News Asia