ไม่พบผลการค้นหา
ปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจและการเมือง รวมถึงนักลงทุนจากภายนอกที่ชะลอตัวทำให้ภาคอสังหาริมทรัพย์เริ่มชะลอตัว ขณะที่ราคาคอนโดมิเนียมมีแนวโน้มลดลง

บลูมเบิร์กรายงานว่า เมืองหลวงของประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เริ่มได้รับผลกระทบจากนักลงทุนจีนที่ลดลง โดยเฉพาะในภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นผลจากปัจจัยทางเศรษฐกิจของจีนเองที่ชะลอตัว รวมไปถึงนโยบายควบคุมเงินทุนไหลออกภายนอกประเทศของจีน และที่ผ่านมาภาคอสังหาริมทรัพย์ของไทยนั้นเติบโตและขยายตัวส่วนหนึ่งเป็นเพราะนักลงทุนจากจีน

นายโสภน พรโชคชัย ประธานกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ของไทยกล่าวว่า "ไม่ใช่แค่กรุงเทพฯเท่านั้นที่ภาคอสังหาริมทรัพย์กำลังชะลอตัว เมื่อปีที่แล้วมีอสังหาริมทรัพย์ที่ยังไม่สามารถขายได้ 454,814 ยูนิต ซึ่งประเมินเป็นมูลค่าสูงถึง 41,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ"

อลิวัสสา พัฒนถาบุตร ผู้อำนวยการ CBRE Group ประเทศไทย กล่าวว่า "ภาพรวมของตลาดคอนโดมิเนียมในไทยในปีนี้มีแนวโน้มเติบโตช้าลง แต่ในบางพื้นที่ที่ราคาคอนโดและทำเลนั้นมีความสอดคล้องเหมาะสมกันยังคงมีโอกาสเติบโตได้" ทั้งนี้ทาง CBRE Group ยังเชื่อว่า ตลาดคอนโดมีเนียมนั้นกำลังเข้าสู่ยุคแห่งการปรับตัวให้เข้าสู่ระดับราคาที่สมดุลอีกครั้ง

รายงานของ Knight Frank บริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ ระบุว่า ปีที่แล้วมีคอนโดมิเนียมในกรุงเทพเพิ่มขึ้นถึง 65,000 ยูนิต ซึ่งสูงกว่าจำนวนยูนิตในปี 2017 ถึง 11 เปอร์เซ็นต์และเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2009 เป็นต้นมา ขณะที่ความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยนั้นมีเพียง 55 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น และราคาของคอนโดฯ มีแนวโน้มตกลงเฉลี่ย 6 เปอร์เซ็นต์ต่อปี

อย่างไรก็ตาม Knight Frank เชื่อว่าราคาอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพฯ ที่ชะลอตัวนั้นอาจจะเกิดขึ้นในระยะสั้นๆ เท่านั้น เนื่องจากกรุงเทพฯ มีโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นในการพัฒนาเมือง

นอกจากการชะลอตัวของนักลงทุนจากต่างชาติแล้วปัจจัยภายในประเทศก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชะลอด้วยเช่นกัน ซึ่งเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ทางด้านกระทรวงการคลังได้ออกมาคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจที่ต่ำสุดในรอบ 3 ปี เนื่องจากการชะลอตัวของภาคการส่งออกและปัจจัยเสี่ยงทางด้านการเมือง และยังมีกฎหมายการขอสินเชื่อที่อยู่อาศัยฉบับใหม่ถูกบังคับใช้เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาที่เข้มงวดกับการขอกู้ซื้อบ้านหลังที่ 2 มากขึ้น 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :