ไม่พบผลการค้นหา
"หมอแสง" ยืนยันแจกยาต่อ วอนวงการแพทย์ใจกว้าง แยกแยะระหว่างสมุนไพรกับยาแผนปัจจุบัน

นายแสงชัย แหเลิศตระกูล หรือหมอแสง เปิดเผยระหว่างเดินทางมาทำภารกิจส่วนตัว ที่ จ.นครพนม ว่า จากกรณีที่กรมการแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก ได้ออกมาเปิดเผยถึงผลวิจัย ยาสมุนไพรหมอแสงว่าไม่สามารถยับยั้งโรคมะเร็งได้ นั้นเป็นเรื่องที่น่าเสียดายสำหรับวงการแพทย์แผนไทย เพราะตนเชื่อว่ากรมการแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก ไม่รู้เรื่องสมุนไพรจริง เพราะหากจะนำยาสมุนไพรมาเทียบกับยาแผนปัจจุบันคงเป็นเรื่องยาก แต่อยากให้วิจัยในเรื่องของการปรับสภาพร่างกายของผู้ป่วย และอาการของผู้ป่วยโรคมะเร็งที่รับประทานยาเข้าไปตามหลักความเป็นจริง แทนการนำไปทดลองในทางวิทยาศาสตร์ 

Untitled-1.jpg

นายแสงชัย แหเลิศตระกูล

ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่า วงการแพทย์เริ่มลืมภูมิปัญญาชาวบ้าน มองข้ามยาสมุนไพร ที่เคยรักษาโรคมาแต่โบราณ เนื่องจากความทันสมัยมาเปลี่ยนวิถีชีวิต  

นายแสงชัย กล่าวว่า การทำยาสมุนไพรรักษาโรคมะเร็งของตนมีที่มาที่ไป เกิดจากความชอบและสนใจศึกษาเรื่องนี้มานาน จึงคิดค้นผสมผสานคุณค่าทางสมุนไพร และภูมิปัญญาชาวบ้าน มารวมกัน จนเกิดยารักษาโรคมะเร็งตัวนี้ ซึ่งปัจจุบันผลิตยาแจกเดือนละไม่ต่ำกว่า 4 แสนเม็ด ถือว่ายังไม่เพียงพอ

อย่างไรก็ตาม ผลการวิจัยของกรมการแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก ไม่ได้เป็นอุปสรรค ต่อการเดินหน้าผลิตยาช่วยเหลือคนป่วยมะเร็ง เพราะทุกคนที่มารับยาเต็มใจมารับ รวมถึงมีหลายคนกินยาแล้วหายจริง แต่ที่เสียดายคือโอกาสที่ผู้ป่วยจะได้รับการรักษาภายใต้นโยบายของรัฐบาล ที่จะเสริมการผลิตยาสมุนไพรทางเลือก จนจึงอยากให้กรมการแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก ใจกว้างกว่านี้ หากสิ่งไหนดีหรือมีประโยชน์ อยากให้ส่งเสริม อย่าปิดกั้น 

นายแสงชัย กล่าวยืนยันว่าจะไม่เลิกแจกยา โดยในวันที่ 2 พ.ค.61 จะไปแจกยาในพื้นที่ จ.นราธิวาส จำนวน 2,000 ชุด  

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ได้ออกมาเปิดเผยผลการวิจัย หลังจากนำตัวอย่างสมุนไพรนายแสงชัย มาทดลองในลักษณะตัวยาที่มีความเข้มข้นต่างกัน แยกเป็นที่อยู่ในสารน้ำ ในเลือด และปริมาณที่มีความเข้มข้นสูงๆ แล้วนำสมุนไพรนี้ไปทดสอบกับเซลล์มะเร็ง 7 แบบ คือมะเร็งเต้านม 3 ชนิด มะเร็งตับ มะเร็งปอด มะเร็งลำไส้และมะเร็งกระเพาะอาหาร

ซึ่ง ผลการทดลองในหลอดทดลองนั้น พบว่าตัวฤทธิ์ของสมุนไพรไม่สามารถยับยั้งเซลล์มะเร็งได้ แต่กรมการแพทย์แผนไทยฯ ก็ได้ศึกษาต่อในเรื่องของคุณภาพชีวิต ก็พบว่าสามารถใช้ประโยชน์ได้

ภาพ : unsplash/สำหรับประกอบรายงานข่าวเท่านั้น

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง