ไม่พบผลการค้นหา
กรมแพทย์แผนไทย เผยผลวิจัยประสิทธิภาพ 'ยาหมอแสง' ชี้ตัวฤทธิ์ของสมุนไพรไม่สามารถยับยั้งเซลล์มะเร็งได้ ด้านหมอแสงยืนยันแจกสมุนไพรไทยต่อ

ความคืบหน้าการทดลองประสิทธิภาพสมุนไพรสูตรของนายแสงชัย แหเลิศตระกูล หรือหมอแสง หลังจากผลวิจัยออกมาเมื่อช่วงกลางเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา โดยมีนพ.ปราโมทย์ เสถียรรัตน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช รองอธิบดีกรมการแพทย์ นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ ผอ.สถาบันมะเร็งแห่งชาติ นายแสงชัย แหเลิศตระกูล หรือหมอแสง และทีมนักวิจัย โดยใช้เวลาหารือนานกว่า 3 ชั่วโมงและไม่อนุญาตให้สื่อมวลชน หรือผู้ใดเข้าร่วมรับฟังแต่อย่างใด 

โดยนพ.ณรงค์ กล่าวว่า กรมการแพทย์แผนไทยฯ ได้นำตัวอย่างสมุนไพรนายแสงชัย มาทดลองในลักษณะตัวยาที่มีความเข้มข้นต่างกัน แยกเป็นที่อยู่ในสารน้ำ ในเลือด และปริมาณที่มีความเข้มข้นสูงๆ แล้วนำสมุนไพรนี้ไปทดสอบกับเซลล์มะเร็ง 7 แบบ คือมะเร็งเต้านม 3 ชนิด มะเร็งตับ มะเร็งปอด มะเร็งลำไส้และมะเร็งกระเพาะอาหาร ผลการทดลองในหลอดทดลองนั้น พบว่าตัวฤทธิ์ของสมุนไพรไม่สามารถยับยั้งเซลล์มะเร็งได้ แต่กรมการแพทย์แผนไทยฯ ก็ได้ศึกษาต่อในเรื่องของคุณภาพชีวิต ก็พบว่าสามารถใช้ประโยชน์ได้

สำหรับทิศทางที่จะเดินต่อไป นพ.ณรงค์ระบุว่าต้องมีการหารือกันอีกครั้ง และต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง ซึ่งผู้ป่วยโรคมะเร็งควรเข้ารับรักษาทั้งแพทย์แผนไทย และแพทย์แผนปัจจุบัน ควบคู่กันไปทุกระยะ จะช่วยให้ประชาชนได้ประโยชน์สูงสุด ซึ่งในสมุนไพรของหมอแสงไม่พบสารพิษ ที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ส่วนสมุนไพรสูตรของหมอแสง ยังไม่สามารถขึ้นทะเบียนเป็นผลิตภัณฑ์สุขภาพตามกฎหมายได้

ด้านนายแสงชัย กล่าวว่ากรมการแพทย์นำไปทดลองนั้น เป็นเพียงการวิจัยในหลอดทดลอง ซึ่งปรากฎว่าไม่มีผลในการยับยั้งเซลล์มะเร็ง แต่ไปอยู่ในตัวคนแล้วเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ไม่รู้ว่าจะยับยั้งเซลล์มะเร็งได้หรือไม่ เพราะเมื่ออยู่ในหลอดทดลองก็อยู่แค่นั้น แต่ถ้าเข้าร่างกายแล้วมันก็ไปตามเส้นเลือด พร้อมยืนยันว่ายังแจกสมุนไพรต่อไป เพราะเป็นความหวังของประชาชน ทำมา 10 กว่าปีแล้ว

ส่วนเรื่องจะขายสูตรให้ต่างชาติหรือไม่นั้น ก็ไม่แน่หากหมอไทยบอกไม่ได้ผล เราจะเอาสูตรไว้ทำไมต่างชาติเขาฉลาดก็ทำ ที่แจกยามีหมอจากเยอรมัน รพ.จากอเมริกาก็มาเฝ้าทุกระยะเพื่อติดต่อขอซื้อ แต่ยังไม่อยากขายกลัวคนไทยไม่มีกิน ซึ่งก็จะไปแจกต่อที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ในวันที่ 2 พ.ค.นี้ 

อ่านเพิ่มเติม